หลังจากนายซินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เดินทางไปคารวะป้ายวิญญาณทหารผู้เสียชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่สองในศาลเจ้ายาสุคุนิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคมปี 2013 ที่ผ่านมา ทำให้ถูกติและประณามจากประเทศเพื่อนบ้านในเอเชีย นักวิเคราะห์เห็นว่า การกระทำดังกล่าวส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นที่ยังไม่ราบรื่นกลับแย่ลงอีก จนเป็นไปได้ยากที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ให้กลับคืนมาดีดังเดิมได้ในช่วงระยะเวลาอันสั้น

หลังจากนาย ลี มยอง บัก อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้เดินทางเยือนเกาะด็อคโด(หรือเกาะทาเคชิมาในภาษาญี่ปุ่น)เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2012 เป็นต้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นย่ำแย่ลง เนื่องจากข้อพิพาทด้านพรมแดนระหว่างกันและปัญหาที่คั่งค้างมาจากประวัติศาสตร์ กรณีญี่ปุนปฏิเสธขอขมาต่อหญิงบำเรอของเกาหลีใต้และไม่ยอมจ่ายชดเชยให้ผู้ได้รับผลกระทบจากสงครามเป็นต้น ดังนั้นการที่นายซินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นไปคารวะศาลเจ้ายาสุคุนิ ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น

เมื่อวันที่ 30 ธันวาคมปี 2013 นางสาว ปาร์ค กึน เฮ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้กล่าวตำหนินายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นทางอ้อม ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเกาหลีใต้ โดยกล่าวว่า เขาได้เปิดรอยแผลเป็นของประวัติศาสตร์ และทำลายความไว้วางใจหว่างรัฐต่อรัฐ หากประเทศใดก็ตามมีพฤติกรรมที่ไม่สอดรับกับค่านิยมและมาตรฐานที่ยอมรับโดยทั่วไปในระดับโลก ฝ่าฝืนมนุษยธรรม ไม่ว่าประเทศนั้นๆมีเศรษฐกิจก้าวหน้าและแข็งแรงอย่างไร ก็ไม่อาจเป็นประเทศชั้นนำของโลกได้

เกาหลีใต้และประเทศอื่นๆที่เคยถูกญี่ปุ่นรุกราน เห็นว่าศาลเจ้ายาสุคุนิเป็นสัญลักษณ์ของลัทธิรัฐทหารญี่ปุ่น

นักวิเคราะห์เกาหลีใต้ก็เห็นว่า ผู้นำญี่ปุ่นไม่ควรกระตุ้นความบาดหมางกับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียจากสถานการณ์ในประวัติศาสตร์ แต่ควรปรับท่าทีให้สุขุม รอบคอบมากขึ้นเพื่อปรับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้ดีขึ้นด้วย

ก่อนหน้านี้ ระหว่างการเยือนกรุงบรัสเซลล์ เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วประธานาธิบดีเกาหลีใต้เคยกล่าวว่า การเจรจาระหว่างผู้นำสองประเทศจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อญี่ปุ่นปรับเปลี่ยนท่าทีเสียก่อน

Nune/LJ