ปัจจุบัน พ่อจ๋า เราจะไปไหน เป็นรายการที่ฮิตมากที่สุดของจีน ผู้คนคุยกันเกี่ยวกับรายการนี้ทุกวัน ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตก็แสดงความคิดเห็นทุกวัน และพ่อลูกทุกคู่ก็เป็นที่จับตามองของผู้ชมด้วย
เถียนเลี่ยง เป็นอดีตนักกีฬากระโดดน้ำของจีน เป็นนักกีฬาที่มีพรสวรรค์ในการกระโดดน้ำ โดยได้รับการคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิกทีมชาติเมื่ออายุเพียง 14 ปี ได้แชมป์กระโดดน้ำในงานกีฬาแชมเปี้ยนชิพแห่งชาติจีนเมื่ออายุ 15 ปี และได้แชมป์กระโดดน้ำ 10 เมตรที่งานกีฬาโอลิมปิกซิดนีย์เมื่อปี 2000 จึงเป็นที่รู้จักกันของทั่วประเทศ เนื่องจากเขามีรอยยิ้มที่อบอุ่นและหน้าตารูปร่างที่หล่อเหลา จึงกลายเป็น "เจ้าชายกระโดดน้ำ" ในใจของประชาชนจีนทุกคน ระหว่างการเป็นนักกีฬา เขาได้เหรียญทองในงานกีฬาขนาดใหญ่และเล็กต่างๆ กว่า 70 เหรียญ หลังเกษียณอายุจากทีมชาติ เขาจึงเข้าแสดงละครและภาพยนตร์หลายเรื่อง แต่ไม่ได้ประทับใจผู้ชมมาก จนถึงปีนี้ที่เข้าร่วมรายการ "พ่อจ๋า เราจะไปไหน" ของช่องทีวีหูหนาน ทำให้ประชาชนจีนรู้จักและชอบอดีตนักกีฬาคนนี้อีกครั้ง ลูกสาวของเถียนเลี่ยงชื่อเถียน อวี่เฉิง หรือซินดี้ ปัจจุบัน เถียนเลี่ยงไม่ใช่แชมป์กระโดดน้ำ หรือดาราใหญ่ แต่มีชื่อใหม่ว่า "พ่อของซินดี้"
ซินดี้เป็นเด็กหญิงที่น่ารักมาก น้ำเสียงอ่อนหวาน หน้าตาสวย เหมือนเจ้าหญิงน้อย แต่นิสัยไม่ได้อ่อนแอเหมือนรูปร่างหน้าตา ตอนแรกที่ไปถึงหมู่บ้านหลิงสุ่ยและเห็นบ้านชนบทที่ทรุดโทรมและมีกลิ่นเหม็น ทำให้ซินดี้ไม่พอใจและร้องไห้ไม่หยุด คุณพ่อพูดอะไรก็ไม่เป็นผล ส่วนเถียงเลี่ยงตั้งใจว่าจะเป็นพ่อที่มีเมตตา จึงพยายามพูดปลอบใจลูกสาว และซินดี้ยังถามตั้งร้อยครั้งว่า พ่อคะ ทำไมหมู่บ้านต้องเป็นอย่างนี้ เถียงเลี่ยงก็ไม่มีคำตอบ แต่เมื่อไปหาของกินในตอนบ่าย ซินดี้กลายเป็นเด็กที่มีกำลังมากที่สุด ถือตะกร้าหนักและวิ่งได้เร็วมาก ผู้ชมจึงเรียกว่าเป็น "เด็กหญิงที่มีกำลังน่าประหลาดใจ" และ "สาวลมกรด" เป็นต้น และว่าต้องเป็นเพราะได้เลือดพ่อมาเต็มๆ เถียนเลี่ยงบอกว่า จริงๆ ซินดี้มีกำลังไม่มาก แต่เธอยอมใช้กำลังทำหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งเป็นเรื่องไม่ง่ายสำหรับเด็กหญิง เวลาลงบันได เด็กคนอื่นจะเดินชั้นต่อชั้น แต่ซินดี้ไม่เคยเดินอย่างปกติ จะกระโดดข้ามทีละ 2-3 ชั้น ครูโรงเรียนอนุบาลเคยบอกว่า ซินดี้ได้ยกระดับการวิ่งของทั้งโรงเรียน
อีกทั้ง ซินดี้ยังชอบช่วยคนอื่น ไม่เพียงช่วยแองเจลา ซึ่งอายุน้อยกว่า แต่ยังช่วยเด็กชายที่อายุมากกว่าด้วย และเวลาพ่อทำกับข้าว ซินดี้ก็จะคอยช่วยพ่อล้างผัก ล้างจาน ทำสิ่งเล็กๆ ที่สามารถทำได้ ปรากฏว่า เด็กหญิงอ่อนหวานและได้รับการดูแลอย่างคุณหนูคนนี้กลับมีนิสัยแข็งแกร่งเวลาไม่ได้อยู่กับพ่อแม่
นอกจากนี้ ซินดี้เป็นเด็กที่รักพ่อแม่มาก แม้ว่ามีอายุเพียง 5 ขวบ แต่ยังจำวันเกิดของพ่อได้ และอวยพรวันเกิดให้พ่ออีกด้วย ทำให้เถียงเลี่ยงซาบซึ้งใจมาก และกล่าวว่า เป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิต
ซินดี้ยังมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว เมื่อเล่นกระดานลื่นไถลลงจากเนินทรายที่ทะเลทรายซาโพโถว ซินดี้สนุกกับการลื่นลงจากเนินเอียง 70 องศา ที่ผู้ใหญ่ยังแอบกลัวในใจ แต่ซินดี้เรียกร้องขอลื่นลงด้วยตัวเอง เถียนเลี่ยงรู้สึกว่าเสี่ยงอันตรายมาก แต่ก็ไม่อยากให้ซินดี้ผิดหวัง จึงตกลง ยอมให้ลูกสาวลื่นเอง แต่ตนเองแอบวิ่งตามที่ข้างหลัง เพื่อป้องกันลูก ทำให้ผู้ชมประทับใจมาก
เถียงเลี่ยงถือว่าเป็นพ่อตัวอย่างที่ดีของลูกสาวด้วย ซึ่งทุ่มเทความพยายามในการปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้ง เวลาที่พ่อทุกคนแข่งพายเรือไปชิงวัตถุดิบปรุงอาหารที่ดีที่สุด เถียนเลี่ยงเป็นคนแรกที่ไปถึงหลักชัย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อเขาพายเรือไปกลางแม่น้ำและกำลังเอื้อมมือหยิบตะกร้าอาหาร เขาต้องพลัดตกน้ำถึงสองครั้ง แม้ว่าการตกน้ำไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับแชมป์กระโดดน้ำ แต่ความพยายามเพื่อได้ของที่ดีที่สุดให้กับลูกสาวก็ได้รับความชื่นชมจากเจ้าหน้าที่ช่องทีวีหูหนานทั้งหมดและผู้ชมที่อยู่หน้าจอทั้งหลาย
นอกจากนี้ เถียนเลี่ยงยังสามารถดูแลแต่งตัวให้ลูกสาวได้ดีขึ้น ปัจจุบัน เขาสามารถเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะสมให้ซินดี้ อีกทั้งยังสามารถถักเปียได้ด้วย เมื่อไปเที่ยวที่เกาะจีหมิงของมณฑลซานตุง พ่อคนอื่นไปจับปู เถียนเลี่ยงต้องดูแลเด็กทั้ง 5 คน แต่เขาทำได้ดี และพยายามดูแลเด็กทุกคนอย่างทั่วถึง กระทั่งเทียนเทียนยังบอกให้จางเลี่ยงควรเรียนจากเถียนเลี่ยง มีผู้ใช้อินเตอร์เน็ตกล่าวว่า ละคร "พ่อจ๋า เราจะไปไหน" ซึ่งเถียนเลี่ยงต้องแสดงเป็นตนเองในฐานะพ่อของซินดี้นั้น จะดีกว่าผลงานละครทั้งหมดที่ผ่านมาของเขา