เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการบริหารแรงงานต่างชาติและแรงงานต่างชาติผิดกฎหมายของคณะรัฐมนตรีมาเลเซียประกาศห้ามร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในประเทศ ว่าจ้างแรงงานชาวต่างชาติมาทำงานอีกต่อไป ส่งผลให้ชาวอินเดีย และชาติอื่นๆ ที่มาทำงานเป็นพ่อครัว เด็กเสิร์ฟอาหาร รวมถึงตำแหน่งอื่นๆนับพันคนต้องได้รับผลกระทบ โดยรัฐบาลมาเลเซียให้เหตุผลว่า ชาวมาเลย์ควรจะเป็นชาติแรกที่มีสิทธิ์ในการทำงานในงานประเภทดังกล่าว แทนที่จะเป็นคนจากชาติอื่น
ปัจจุบัน มาเลเซียมีแรงงานต่างชาติมาทำงานอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นงานในร้านอาหาร การก่อสร้าง เก็บขยะ และทำสวน ซึ่งเป็นงานที่ชาวมาเลย์ส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะทำ โดยชาติที่เดินทางมาทำงานในมาเลเซียมากที่สุด คือ อินเดีย อินโดนีเซีย บังกลาเทศ ปากีสถาน และกัมพูชา ซึ่งแถลงการณ์ดังกล่าวของทางการมาเลเซียนั้น เกิดขึ้นหลังจากที่มีการเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ชาวมาเลย์ในปัจจุบัน มีความต้องการทำงานในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดมากยิ่งขึ้น
หลังจากทางการประกาศนโยบายห้ามร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดในประเทศ ว่าจ้างแรงงานชาวต่างชาติมาทำงานแล้ว สื่อมวลชนมาเลเซียต่างให้คำชื่นชมต่อการนี้ โดยให้เหตุผลว่า แรงงานต่างชาติไม่ว่างานอะไรก็ทำ และเรียกค่าแรงต่ำ ได้ทำลายตลาดแรงงานในท้องถิ่น
การที่รัฐบาลมาเลเซียเลือกธุรกิจร้านฟาสต์ฟู้ตเป็นก้าวแรกในการห้ามว่าจ้างแรงงานต่างชาติก็คือ ร้านฟาสต์ฟู้ตไม่ต้องการผู้ที่มีทักษะในการปรุงอาหารระดับสูง พนักงานผ่านการฝึกอบรมก็ทำงานได้ นักเรียนนักศึกษาที่ยังเรียนอยู่ หรือจบการศึกษาแล้วส่วนใหญ่ยินดีไปหางานทำเป็นการชั่วคราวที่ร้านฟาสต์ฟู้ต จะทำให้ผ่อนคลายแรงกดดันในด้านการมีงานทำลดน้อยลงบ้าง