ศ.เฉิน กวงเอี๋ยนระบุว่า ถึงแม้เศรษฐกิจจีนยังคงมีปัญหาต่างๆ นานา ทั้งระบบ รูปแบบ และประสิทธิภาพ แต่ใครก็ไม่อาจประเมินศักยภาพของเศรษฐกิจจีนไว้ต่ำเกินไป ด้วยอัตราการเติบโตอันน่าทึ่งในขณะนี้ บวกกับการปฏิรูปที่มุ่งสู่การตลาดครั้งใหม่ คาดว่าใน 5 ปีข้างหน้า มวลรวมเศรษฐกิจของจีนจะเพิ่มขึ้นปีละ 1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นไป
ศ.เฉิน กวงเอี๋ยนระบุว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเศรษฐกิจของจีน ไม่ควรมองข้าม และไม่ควรประโคมให้เกินจริง เศรษฐกิจจีนก็เหมือนหนุ่มอายุ 18-19 อาจมีปัญหามากมาย ทั้งยังไม่ค่อยมั่นคง แต่สิ่งที่สำคัญคือ มีพลังชีวิตที่เต็มเปี่ยม อีกทั้งเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมาโดยตลอดด้วย
สำหรับผลกระทบของการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนต่อประเทศอาเซียนนั้น ศ.เฉิน กวงเอี๋ยนระบุว่า ชาติอาเซียนล้วนสนใจการปฏิรูปเศรษฐกิจรอบใหม่ที่เริ่มต้นตั้งแต่การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 ผลการวิจัยของเขาระบุว่า การปฏิรูปเศรษฐกิจของจีนจะเป็นผลดีต่อชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประการแรก การที่เศรษฐกิจจีนพัฒนาอย่างยั่งยืน จะสร้างอุปสงค์ต่อทรัพยากรและวัตถุดิบ เช่น สินแร่ ยางพารา น้ำมันปาล์มของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ประเทศไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเมียนมาร์ได้รับประโยชน์ ประการที่ 2 การที่เศรษฐกิจจีนเปลี่ยนรูปแบบการเติบโตและปรับให้ทันสมัยยิ่งขึ้น จะทำให้อุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานย้ายฐานไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น การผลิตและแปรรูปเสื้อผ้า ตุ๊กตาของเล่น และรองเท้า จะย้ายไปยังเวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย ทำให้ประเทศเหล่านี้มีโอกาสพัฒนาอย่างประเทศจีนในช่วง 10-20 ปีข้างหน้า และประการที่ 3 การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศของจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะทำให้ประเทศอาเซียน ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด ได้รับประโยชน์ก่อนประเทศอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประสบการณ์ของจีนในการมุ่งสร้างระบบสาธารณูปโภคเพื่อกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นสิ่งที่ควรเอาอย่างสำหรับประเทศอาเซียน
(YIM/LING)