ระหว่างวันที่ 22 มีนาคมถึงวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้เดินทางไปยุโรป เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ครั้งที่ 3 และมีการเยือนประเทศเนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยี่ยม สำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโกและสำนักงานใหญ่สหภาพยุโรปเป็นเวลา 11 วันอย่างต่อเนื่อง
หนังสือพิมพ์เหวินฮุ่ยเป้าของฮ่องกงออกบทความระบุว่า การที่นายสี จิ้นผิงถือโอกาสเข้าร่วมการประชุมสุดยอดว่าด้วยความมั่นคงทานิวเคลียร์ และเดินทางเยือนประเทศยุโรปเป็นเวลากว่า 10 วันนั้น ก็เพื่อเน้นย้ำยุทธศาสตร์ความร่วมมือกับประชาคมโลกในขณะที่จีนเจริญฟื้นฟูสู่ประเทศใหญ่
ยุโรปต้องการขยายสัดส่วนการส่งออกมายังจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 1,300 ล้านคน แต่ผู้นำจีนนอกจากเซ้นสัญญาจัดซื้อสินค้าจากยุโรปเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังเน้นว่าสองฝ่ายควรกระชับวามร่วมมือ ส่งเสริมการลงทุนต่อกัน ทำให้ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสองฝ่ายพัฒนาอย่างมั่นคงและถาวร
ทั้งนี้ มิพียงแต่เป็นเรื่องการค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์งความเข้มแข็งของจีน เป็นการกำหนดเป้าหมายการบรรลุความฝันของจีนและความฝันของจีน – ยุโรปด้วย
หนังสือพิมพ์เหวิน ฮุ่ยเป้าอ้างความมิดเห็นของนายสิง หว้า ผู้เชี่ยวชาญสถาบันศึกษาปัญหาระหว่างประเทศจีนว่า การเยือนยุโรปครั้งนี้ นายสี จิ้น ผิงได้กล่าวคำปราศรัยในสถานที่สำคัญหลายแห่ง อรรถาธิบายความเห็นของจีนที่มีต่อสถานการณ์โลก อีกทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์หนทางการพัฒนาของจีนเองอย่างมีผล ได้เพิ่มความเข้าใจของยุโรปและประชาคมโลกที่มีต่อจีน ชาวยุโรปกำลังปรับเปลี่ยนความรับรู้ที่มีต่อจีนในทิศทางที่ถูกต้องตามสภาพที่เป็นจริงอย่างลึกซึ้ง
นายสิง หว้ากล่าวว่า ขณะไปเยือนสำนักงานใหญ่องค์การยูเนสโก นายสี จิ้นผิงกล่าวถึงทัศนะที่ว่า อารยธรรมมีสีหลากหลาย ควรมีความเสมอภาคและการยอมรับต่อกัน เคารพซึ่งกันและกัน อยู่ด้วยกันอย่างสมานฉันท์ ระหว่างการเยือนเยอรมนี เขาได้บรรยายหนทางการพัฒนาและทัศนะการพัฒนาของจีน ขณะไปเยือนฝรั่งเศส เขาได้กล่าวถึงความหมายสำคัญพิเศษในความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับฝรั่งเศส และอ้างคำพูดของ นโปเลียน ( napoleon) อดีตผู้ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศสมาใช้ว่า จีนเป็นสิงโตที่หลับอยู่ โดยนายสี จิ้นผิงกล่าวต่อว่า ปัจจุบัน สิงโตตัวนี้ตื่นขึ้นแล้ว แต่ปรากฏว่าเป็นสิงโตที่ใจจริง รักสันติภาพและมีอารยธรรม
สำนักข่าว จงธง ฮ่องกงรายงานว่า เมื่อการเยือนยุโรปของนายสี จิ้นผิงสิ้นสุดลง สื่อของสหรัฐฯ ออกบทวิจารณ์ว่า การเยือนของนายสี จิ้นผิงคงทำให้การค้าระหว่างจีนกับยุโรปได้รับผลคืบหน้าค่อนข้างมากในอนาคต แต่ในด้านความร่วมมือทางการเมือง คงไม่ค่อยได้ผลมากนัก
สำหรับการนี้ นายจิน ชั่นหรง รองผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยประชาชนจีนชี้ให้เห็นว่า คำวิจารณ์ที่ว่า การเยือนยุโรปของนายสี จิ้นผิง ทำให้การค้าและเศรษฐกิจระหว่างจีนกับยุโรปร้อนขึ้นนั้น เป็นเรื่องจริง แต่คำพูดที่ว่าทางการเมืองยังคงเยือกเย็นนั้นไม่ถูกต้อง
นายจิน ชั่นหรงกล่าวว่า กระบวนการพัฒนาของสหภาพยุโรปดำเนินการอย่างไม่ราบรืน ในบรรดาประเทศใหญ่นั้น คงมีจีนประเทศเดียวเท่านั้นที่ให้การสนับสนุนอย่างมาก ระหว่างการเยือนยุโรปของนายสี จิ้นผิง สองฝ่ายต่างมีความเข้าใจและสนับสนุนเรื่องราวละเอียดทางการเมืองต่อกัน แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจทางยุทธศาสตร์ ซึ่งความไว้วางใจนี้เป็นพื้นฐานของความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
(In/Lin)