มีหลายคนที่ติดตามผลงานของผมมาตลอดถามว่า ยี่สิบปีที่ผ่านมาเดินทางมาตลอดทั้งในและต่างประเทศ ยังไม่เบื่อบ้างเหรอ ผมตอบว่า ยาก เพราะไปทุกครั้งในแต่ละเมือง แต่ละประเทศมีความเปลี่ยนแปลงตลอด แล้วมักจะมีคำถามติดตามมาว่า ไปแต่ละประเทศน่ะ กินอะไร กินข้าวกินปลาของเขาได้ไหม ตอบนะครับว่า ไม่ยากเพราะเดินทางทุกครั้งถ้าเกินสิบวัน ผมเตรียมพร้อมครับ หม้อหุงข้าวไฟฟ้าขนาดเล็ก กะทะไฟฟ้าขนาดจิ๋ว และ กาต้มน้ำไฟฟ้า แค่นี้ก็รอดแล้วครับ เครื่องปรุงเดี๋ยวนี้ก็มีขายแบบเป็นซองๆ หลายยี่ห้อไปหมด ที่เหลือของสดของคาว ไปหาเอาข้างหน้า
เช่นเดียวกันกับที่มา กรุงปักกิ่งในครั้งนี้ โชคดีเหลือเกินมาในช่วงฤดูร้อน ผลหมากรากไม้ ผักสดนานาชนิด ละลานตาไปหมด มีทั้งที่ขายในซุปเปอร์มาร์เก็ต และที่วางขายกันริมถนน อยากได้บรรยากาศจริงๆต้องเดินข้างถนนครับ ผักผลไม้ที่นำมาขาย มาจากเกษตรกรที่ปลูก อยู่ในบริเวณใกล้เคียง นี่แหละครับ
โดยเฉพาะเรื่องของเห็ด ที่มีสารพัดให้เลือก เห็ดหอมสดๆ ดอกโตๆ อย่างนี้มันต้องเห็ดผัดซีอิ๊ว หรือไม่งั้นก็ต้อง ต้มฟักซี่โคงหมูใส่เห็ดหอมสดๆ เห็ดกระดุม เห็ดนางฟ้า มันน่าเอามาทำต้มยำเห็ด หรือเมนูเด็ดกว่านั้น แกงอ่อมเห็ด ซึ่งที่กรุงปักกิ่งก็มีผักใส่เกือบครบ ไม่ว่ากะหล่ำปลี ผักชีล้อมหรือผักชีลาว ผักกาดขาว บวบ มะเขือ แตงกวาอ่อน เด็ดสุดก็เห็ดออริจิ ฝาบางๆ ทาเนย แนบกับกะทะไฟฟ้า กินเล่นให้หายอยาก ที่พูดอย่างนี้ก็ต้องบอกราคากันก่อน ครึ่งกิโลประมาณ ๒๐ บาท นะครับ ย้ำ เฉลี่ยเกือบทุกชนิดครึ่งโล ๒๐ อย่าเพิ่งอิจฉากันล่ะ
หรือว่าถ้าจะเอาให้อร่อยก็ต้องผัดบวบสดๆกับไข่ ใส่พริกหยวก ซักนิด น้ำลายอย่าเพิ่งสอกันนะครับ บวบที่นี่ เป็นบวบกลมไม่ใช่บวบเหลี่ยม เนื้อในแน่น และต้องบอกว่า ของสดครับดูที่ขั้วได้เลย เวลาผัดใส่หมูสามชั้นบางๆ น้ำมันหอยเยอะนิดนึง ถ้าให้เด็ด กินกันสองสามคน ประโคมใส่ไข่กันไปสัก ๓ ฟอง ว่าเรื่องราคาก่อนดีกว่า บวบนี่ชั่งนึง ประมาณ ๒ หยวน หรือกิโลละ สิบบาท ส่วนพริกหยวก ครึ่งกิโล ประมาณ ๑๕ บาท แล้วอย่างนี้ จะรอด ฝีมือการปรุงอาหารของเชฟ สมภพ จันทร์ฟัก หรือครับ
ของคาวไปแล้ว ต้องปิดท้ายกันที่ของหวานล่ะครับทีนี้ ริมถนนที่ไปเดิน ผลไม้มีให้เลือก หลากหลาย เริ่มกันที่ พื้นๆ แตงโมก่อนเป็นไงครับ แตงโมที่ กรุงปักกิ่ง เนื้อแดง เปลือกบาง ลูกใหญ่มาก อย่างที่เห็นนี่ ครึ่งลูกก็หนักประมาณ ๒ กิโลกรัม เอาขนาดย่อมๆพอกินนะครับ เนื้อ แดงสด เมล็ดมีน้อย รับรองครับว่า หวานชื่นใจ ราคาก็ประมาณกิโลกรัมละ ๑๐ บาท เอาล่ะซิครับ งง กับเรื่องราคากันล่ะซิว่าทำไม มันถูกอย่างนี้ ยังไม่จบนะครับ ที่กรุงปักกิ่งนี่ยังมีสัปปะรด หวาน ฉ่ำ ปอกกัน ขายกัน ริมถนน นี่แหละ ส่วนใหญ่ก็เป็นสัปปะรดที่มาจากแถว มณฑล กวางสี กวางตุ้ง คุนหมิง พื้นที่ทางภาคใต้ของจีน ที่มีภูมิอากาศ คล้ายกับภาคเหนือของไทย ราคาแพงนิดครับ ประมาณหัวละ ๒๐ บาท แต่รับรองในเรื่องรสชาตินะครับ หวานฉ่ำชื่นใจ
แค่นั้นยังไม่พอ ขอต่ออีกนิดนะครับ ผลไม้ตามฤดูกาล แบบที่เมืองไทยเรามี หน้าร้อนอย่างนี้ก็มะม่วงแหละครับ ที่ กรุงปักกิ่งก็มีเช่นกัน มะม่วงที่ปลูกได้ในกรุงปักกิ่ง และพื้นที่โดยรอบ เป็นมะม่วงที่มีขนาดเล็ก แต่รสชาติไม่ต้องพูดถึงครับ หอม หวาน ชื่นใจ แม้เนื้อจะน้อย เม็ดจะใหญ่ แต่ก็สมราคาครับ ไม่แพง แต่ถ้าต้องการจะได้มะม่วงดีๆ ผลงามๆ ก็ต้องเป็นมะม่วงที่นำเข้ามาจาก ไต้หวัน มีทั้งมะม่วงลูกใหญ่ ขนาดผลละประมาณ ๑ กิโลกรัม หรือจะเอาขนาดใหญ่กว่านั้นก็มีนะครับ แต่น่าเสียดาย เห็นมะม่วงคล้ายๆกัน นึกว่า มะม่วงน้ำดอกไม้ ที่ไหนได้ มะม่วงจากไต้หวัน
เห็นแล้วก็อดนึกถึงเมืองไทยไม่ได้ ไหนใครลองซิครับ เปิดตลาดมะม่วงน้ำดอกไม้ ในกรุงปักกิ่ง ให้เป็นเรื่องเป็นราว ซักที มูลค่าของตลาดที่นี่ มหาศาลนะครับ เปิดตลาดที่ห้างก็ได้ลูกค้ากลุ่มหนึ่ง แต่ถ้าเปิดตลาดให้กับ ประชาชนคนชั้นกลางที่วิถีชีวิต ยังต้องเดินตลาดสดได้ด้วยล่ะก็ น่าจะทำเงินได้โขอยู่ ยิ่งในบางปี มะม่วงล้นตลาดเมืองไทย แทบจะซื้อ ๑ แถม ๑ น่าจะมีใครลองดูซักตั้งนะครับ
เรื่องราว นักข่าวกีฬาไทย บุกตลาดสดที่กรุงปักกิ่ง ยังไม่จบนะครับ ยังมีตอนต่อไปให้ติดตาม โปรดรอคอย คราวนี้ เราจะไป ตลาดขาย ของสด ประเภทหมู ไก่ ปลา และอาหารทะเลกัน
สมภพ จันทร์ฟัก
