ปีหลังๆนี้ การค้าแบบทวิภาคีระหว่างจีนกับเวียดนามมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่ปี 2004 เป็นต้นมา จีนได้กลายเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับแรกของเวียดนามต่อเนื่องกัน 9 ปี สถิติจากจีนแสดงว่า ปี 2013 การค้าแบบทวิภาคีระหว่างสองประเทศเป็น 65,480 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 29.3% ถึงปลายเดือนมีนาคมปี 2014 การลงทุนโดยตรงนอกเหนือจากการลงทุนด้านการเงินของจีนในเวียดนามเป็น 1,930 ล้านเหรียญสหรัฐ
นักวิชาการชาวสหรัฐหลายคนเห็นว่า เหตุจลาจลต่อต้านนักลงทุนและวิสาหกิจชาวต่างชาติที่เวียดนามในเร็วๆนี้ ย่อมจะส่งผลกระทบที่เลวร้ายต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามแน่นอน
นายธีโอดอร์ โมแรน(Theodore Moran) นักวิจัยระดับสูงที่ติดตามการลงทุนข้ามชาติเป็นเวลานานของสถาบันปีเตอร์สันซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจโลกกล่าวว่า นักธุรกิจจีนได้ลงทุนในเวียดนามและสร้างสวนอุตสาหกรรมซึ่งได้กระตุ้นการส่งออกของเวียดนาม และเหตุจลาจลครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบต่อสายโซ่การผลิตของโลกซึ่งเกี่ยวพันกับฝ่ายเวียดนาม แม้ว่าจะไม่ทำลายเศรษฐกิจเวียดนามให้ถึงที่สุดก็ตาม แต่ย่อมจะส่งผลกระทบทางลบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจเวียดนามในอนาคต และส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและบรรยากาศการลงทุนในเวียดนาม
เขายังกล่าวว่า รัฐบาลเวียดนามควรรับรู้ว่า การก่อจลาจลไม่มีส่วนช่วยต่อการแก้ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ กลับจะก่อความเสียหายต่อเวียดนาม จีนที่เจริญรุ่งเรืองจะเป็นผลดีต่อเวียดนามและทั่วเอเชียด้วย ถ้าหากประเทศในเอเชียสามารถจะควบคุมความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์อย่างดี แล้วจะบรรลุการพัฒนาร่วมกันในทางเศรษฐกิจด้วย
Yim/LJ