เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายฮัน มิน-คู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ของเกาหลีใต้กล่าวในรายการข่าวทางวิทยุของเกาหลีใต้ว่า รายการแรกที่จะทำหลังจากเขาขึ้นดำรงตำแหน่งก็คือ เยือนเกาะยอนพยองที่เกิดเหตุถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่เมื่อปี 2010 พร้อมย้ำว่า ถ้าหากเกาหลีเหนือก่อการยั่วยุอีกครั้ง เกาหลีใต้ก็จะใช้ปฏิบัติการอย่างรุนแรง นอกจากนี้ นายฮัน มิน-คู กล่าวอีกว่า เพื่อรับมือกับการคุกคามทางนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ต้องมีความสามารถที่จะโต้กลับก่อน
นายฮัน มิน-คู ยังได้ประณามปฏิบัติการของเกาหลีเหนือที่ยิงขีปนาวุธและจรวดระยะสั้นหลายครั้งในปีหลังๆ นี้ เขากล่าวว่า เกาหลีเหนือเสนอที่จะจัดการพูดคุยเจรจาในแถลงการณ์ของรัฐบาล ขณะเดียวกันก็ยิงขีปนาวุธยั่วยุด้วย โดยมีวัุตถุประสงค์เพื่อใช้ "ยุทธศาสตร์สองด้าน" ทำให้รัฐบาลเกาหลีใต้มีความคิดเห็นต่างกัน สำหรับปัญหาที่เกาหลีเหนือจะดำเนินการทดลองนิวเคลียร์อีกหรือไม่นั้น นายฮัน มิน-คู กล่าวว่า ข่าวกรองจากเกาหลีใต้รายงานว่า เกาหลีเหนือได้เสร็จสิ้นการเตรียมงานขั้นพื้นฐานของการทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่ 4 แต่ปัจจุบันยังไม่มีแนวโน้มที่จะดำเนินการทดลองในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกัน เพื่อรับมือกับการคุกคามทางนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ต้องมีความสามารถที่จะโต้กลับก่อน
ตาม "ระบบโจมตีแบบสายโซ่" ที่เกาหลีใต้วางแผนสร้างขึ้น ทหารเกาหลีใต้มีความสามารถที่จะค้นพบ ระบุตำแหน่ง และทำลายอุปกรณ์นิวเคลียร์หรือขีปนาวุธที่เป็นเป้าหมายภายใน 30 นาที ส่วนระบบป้องกันขีปนาวุธ หรือ เคเอเอ็มดีของเกาหลีใต้นั้น เป็นระบบที่เจาะจงต่อการโจมตีด้วยขีปนาวุธของเกาหลีเหนือเป็นการเฉพาะ โดยสามารถสกัดกั้นขีปนาวุธในความสูงระหว่าง 10-30 กิโลเมตร
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่กระตุ้นประเทศรอบข้าง เกาหลีใต้กล่าวว่า จะไม่เข้าร่วมระบบการต่อต้านขีปนาวุธของสหรัฐฯ แต่ทว่า เพื่อแก้ไขปัญหาที่ระบบเคเอเอ็มดีของเกาหลีใต้สามารถใช้งานได้ในน่านฟ้าระดับต่ำเท่านั้น เกาหลีใต้เน้นว่า จะศึกษาระบบป้องกันในน่านฟ้าสูง หรือ ทีเอชเอเอดี ด้วยตนเอง ขณะเดียวกัน ก็ได้ค่อยๆ ปล่อยสัญญาณที่จะปรับปรุงวิธีการเพื่อติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธที่ผลิตด้วยสหรัฐฯ
Yim/Ldan