แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ สมุดปกขาวนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะเปิดโปงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเกณฑ์หญิงบำเรอของทหารญี่ปุ่นให้ชาวโลกรับทราบ ซึ่งจะประกอบด้วยรายงาน 3 ฉบับและเอกสารภาคผนวก ผู้ที่เข้าร่วมการเรียบเรียงสมุดปกขาวมีนักวิชาการเกาหลีใต้ 10 คน และนักวิจัยจากองค์การศึกษา 18 แห่ง โดย ดร.ลี ซิน โซล จากศูนย์วิจัยประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกมหาวิทยาลัยซังควนควาน ( Sungkyunkwan) จะนำทีมงานเรียบเรียงรายงานด้านประวัติศาสตร์ มีเนื้อหาสำคัญการวิจัยลัทธิเมืองขึ้นของญี่ปุ่น ระบบหญิงบำเรอของทหารญี่ปุ่นในช่วงสงคราม ตลอดจนระบบนี้ส่งผลกระทบทำลายสตรีที่ถูกเกณฑ์เป็นหญิงบำเรอมากขนาดไหน เป็นต้น ดร. ลี วอน ตง จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติเกาหลีจะนำทีมงานเรียบเรียงรายงานด้านนโยบาย ที่มีเนื้อหาสำคัญคือ หลังจากการปกครองแบบลัทธิเมืองขึ้นของญี่ปุ่นที่มีต่อคาบสมุทรเกาหลีสิ้นสุดลงแล้ว จุดยืนและนโยบายเกี่ยวกับปัญหาหญิงบำเรอของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ตลอดจนประชาคมโลก มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ส่วนรายงานฉบับที่ 3 จะถือกฎหมายระหว่างประเทศเป็นหลัก เพื่ออภิปรายว่า การเกณฑ์หญิงบำเรอในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ของทหารญี่ปุ่นนั้นเป็นอาชญากรรมต่อต้านความเป็นมนุษย์ นอกจากรายงาน 3 ฉบับดังกล่าวแล้ว เอกสารภาคผนวกของสมุดปกขาวได้รวบรวมเสียงและวิดีทัศน์การให้สัมภาษณ์ของผู้หญิงที่ถูกเกณฑ์ไปเป็นหญิงบำเรอ สมุดปกขาวเป็นภาษาเกาหลีใต้ และยังจะมีการแปลเป็นฉบับภาษาอังกฤษ ภาษาจีนและภาษาญี่ปุ่นด้วย
วันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา กระทรวงครอบครัวเกาหลีใต้ระบุ การประกาศแถลงการณ์ดังกล่าว ก็เพื่อเป็นการรำลึกคำปราศรัยขออภัยปัญหาหญิงบำเรอทหารญี่ปุ่นที่ประกาศโดยนายโยเฮอิ โคโนะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมปี 1993 ส่วนการคัดเลือกเวลาการประกาศสมุดปกขาวในปี 2015 ก็เพราะว่าปีหน้าเป็นการครบรอบ 70 ปีของชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 และคาบสมุทรเกาหลีได้เป็นเอกราช อีกทั้งเป็นวาระครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น จึงเป็นวาระที่มีความพิเศษมาก
(Yim/Lin)


















