วันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน ครั้งที่ 47 ได้ปิดประชุมที่กรุงเนปิดอว์เมืองหลวงของเมียนมาร์ ระหว่างการประชุมที่เป็นเวลา 3 วัน เจ้าหน้าที่ทางการทูตของประเทศสมาชิกอาเซียนกับ 17 ประเทศและเขตแคว้นซึ่งรวมทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และสหรัฐฯ ได้สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างใกล้ชิด แสวงหาทางออกเพื่อรับมือกับการท้าทายที่ประชาคมอาเซียนเผชิญหน้าอยู่ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือและความมั่นคงของภูมิภาค เพื่อปูพื้นฐานให้กับการประชุมระดับผู้นำอาเซียนที่จะจัดขึ้นที่กรุงเนปิดอว์ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ ในขณะเดียวกัน จีนได้เสนอข้อเสนอเกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซียนหลายประการ ซึ่งได้รับการตอบสนองอย่างคึกคัก
กรุงเนปิดอว์กลายเป็นเมืองหลวงของเมียนมาร์ยังไม่ถึง 10 ปี แต่สำหรับอาเซียนซึ่งเป็นองค์การส่วนภูมิภาคที่ได้จัดตั้งขึ้นเป็นเวลา 47 ปี เมืองที่อายุน้อยอาจจะแสดงถึงแรงกระตุ้นการพัฒนาและจุดเริ่มต้นใหม่ ซึ่งในหนทางสู่การบรรลุเป้าหมายสร้างประชาคมเศรษฐกิจร่วมในปี 2015 นั้น อาเซียนได้ดำเนินการไปร้อยละ 80 แล้ว ในเวลา 3 วันที่ผ่านมานี้ บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอภิปรายถึงการดำเนินต่อไปบนหนทางที่เหลืออีกร้อยละ 20 ซึ่งเป็นลู่ทางที่ยากลำบาก นายวันนะ หม่อง ลวิน(U Wunna Maung Lwin) รัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมาร์ซึ่งเป็นฝ่ายหมุนเวียนของการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนได้แถลงต่อสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า ฝ่ายต่างๆ ได้ยอมรับว่ากระบวนการเป็นองค์เดียวกันได้รับผลงาน และจะใช้ความพยายามต่อไปเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวตลอดจนกำหนดเป้าหมายหลังปี 2015 ด้วย
นายหวาง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนได้เสนอคำริเริ่ม 12 ประการเกี่ยวกับการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซียนในด้านการเมือง ภูมิภาค และความร่วมมือทางทะเล
ไทยในฐานะเป็นประเทศสมาชิกที่ริเริ่มการก่อตั้งอาเซียน และในฐานะเป็นประเทศประสานความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซียน ได้เป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซียน นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว(Sihasak Phuangketkeow) รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศไทยกล่าวว่า อาเซียนยินดีต้อนรับข้อเสนอของจีน และหวังว่าจะร่วมมือกับจีน ร่วมกันพัฒนาความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนระหว่างจีนกับอาเซียน 10 ปีแห่งเพชรต่อไป
(Yim/zheng)