เหตุการณ์ 18 กันยาฯ หรือบางทีก็เรียกว่าเหตุการณ์เฟิ่งเทียน หรือเหตุการณ์หลิ่วเถียวหู เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กันยายนปี 1931 เป็นผลจากการรุกรานประเทศจีนของญี่ปุ่นที่อยู่ในสมัยจักรวรรดินิยม และเป็นขั้นตอนสำคัญของญี่ปุ่นในการยึดครองประเทศจีนเพื่อเอาเป็นอาณานิคม
เมื่อค่ำวันที่ 18 กันยายนปี 1931 กองทัพกวนตง(Japan'sKwantungArmy)ของญี่ปุ่นที่ประจำอยู่ภาคอีสานของจีนวางแผนอย่างละเอียด ให้กองทหารเฝ้ารางรถไฟนั้นวางระเบิดทำลายรถไฟสายหนานหม่านในบริเวณหลิ่วเถียวหู เมืองเสิ่นหยางที่ญี่ปุ่นกำลังสร้างอยู่ และใส่ร้ายว่าเป็นผลงานของทหารจีน โดยถือกรณีนี้เป็นข้ออ้าง ยกทัพโจมตีค่ายทหารจีนอย่างเปิดเผย จนก่อเป็นเหตุการณ์ "18 กันยาฯ"ที่ทำให้ทั่วโลกตกใจ วันรุ่นขึ้น ทหารญี่ปุ่นยึดครองเมืองเสิ่นหยาง และขยายไปเรื่อยๆ จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 1932 สามมณฑลในภาคอีสานของจีน ตกอยู่ในกำมือของญี่ปุ่นทั้งหมด ต่อจากนี้ ญี่ปุ่นสร้างอำนาจรัฐแมนจูเลียขึ้นมาและเริ่มปกครองภาคอีสานของจีนเป็นเวลานานถึง 14 ปี ทำให้ชาวจีนกว่า 30 ล้านคนในภาคอีสานตกอยู่ในภาวะลำบาก
เหตุการณ์ 18 กันยาฯ เป็นข้ออ้างของญี่ปุ่นที่เจตนาสร้างขึ้นมาเพื่อก่อการรุกรานประเทศจีน และเป็นการเริ่มรุกรานจีนอย่างเป็นทางการและเปิดเผย ขณะเดียวกัน กรณีนี้ก็เป็นสัญลักษณ์สงครามต่อต้านฟาซิสต์ของโลก และเปิดฉากสงครามโลกครั้งที่สองสนามภาคตะวันออก ชาวอีสานของจีนและทหารอีสานที่ไม่ได้ถอนออกจากอีสานนั้น ประกอบเป็นทหารอาสาสมัครต่อต้านญี่ปุ่น พรรคก๊กมิ่นตั๋งของจีนมีทีมงานลับในภาคอีสานเพื่ออำนวยเงินทุนให้กับทหารอาสาสมัครต่อต้านญี่ปุ่น พรรคคอมมิวนิสต์จีนก็ได้ส่งนายหยาง จิ้งอวี่และคนอื่นๆไปอีสานเพื่อจัดกองโจรดำเนินการต่อต้านญี่ปุ่น ทั้งนี้ถือว่าเป็นการเริ่มต้นการต่อต้านญี่ปุ่นของชาวจีน
จนถึงปีนี้ เหตุการณ์ 18 กันยาฯ ผ่านไป 83 ปีแล้ว แต่สำหรับประชาชนจีน เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นประวัติศาสตร์ที่ชาวจีนถือเป็นความอัปยศที่ไม่อาจลืมเลือนได้ ลูกหลานชาวจีนจะจดนจำไว้แม่น ถ้าหากประเทศไม่เข้มแข็ง ถ้าประชาชนในประเทศไม่สามัคคี ก็จะถูกย่ำยี ฉะนั้น ไม่ลืมประวัติศาสตร์ คิดเรื่องสร้างสรรค์ประเทศให้เข้มแข็ง จึงจะมีความภาคภูมิใจในโลกสมัยนี้
(In/Ping)