เมื่อเร็วๆ นี้ นายซูเกง ราฮาร์ดโจ เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำจีนเผยว่า วันที่ 20 ตุลาคมนี้ นายโจโก วิโดโด จะสาบาลตนขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซีย ในวันนั้น รัฐบาลอินโดนีเซียก็จะประกาศยุทธศาสตร์ใหม่ด้านเศรษฐกิจด้วย ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่จะลงทุนในระยะไกลเป็นจำนวน 70 ล้านล้านรูเปีย (หรือประมาณ 18,596,739.44 ล้านบาท)

นายซูเกง ราฮาร์ดโจ กล่าวเช่นนี้ในที่ประชุมส่งเสริมการค้าอินโดนีเซีย-จีน ที่จัดขึ้นในอินโดนีเซีย เขาแนะนำว่า ยุทธศาสตร์ใหม่ด้านเศรษฐกิจของประธานาธิบดีคนใหม่จะถือ "การเชื่อมกันและการติอต่อกัน" เป็นแนวนโยบาย เน้นความปลอดภัยด้านพลังงานและธัญญาหาร ซึ่งในด้านการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก การบุกเบิกบริการด้านการเงิน ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีการเกษตร และการถลุงแร่ ซึ่งเป็นโอกาสอย่างมากต่อบริษัทจีนที่จะเข้าลงทุน

เขาแนะนำว่า โครงการระดับประเทศของอินโดนีเซีย และโครงการบางส่วนที่กำลังดำเนินการอยู่ รวมถึง 1. โครงการสร้างทางหลวงยาว 600 กิโลเมตรในเกาะสุมาตราเพื่อเชื่อมเมืองต่างๆ ในเกาะ ตลอดจนโครงการทางหลวงที่คล้ายกันในเกาะอื่นๆ 2. โครงการสร้างรถไฟความเร็วสูงในเกาะชวาที่เริ่มตั้งแต่กรุงจาการ์ตาผ่านเมืองบันดุงถึงเมืองสุราบายา 3. โครงการสร้างท่าเรือน้ำลึกทวายในเมืองมากัสซาร์ เมืองบีอัค (ฺBiak) และเมืองบีตุง (Bitung) เป็นต้น

ในด้านการระดมเงินทุนเพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน อินโดนีเซียก็มีท่าทีเปิดเผยต่อองค์กรการเงินต่างประเทศด้วย โดยจะจัดตั้งธนาคารกลุ่มประเทศบริกส์ที่จีนมีบทบาทสำคัญ และธนาคารการลงทุนเพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกเอเชีย และธนาคารอื่นๆ

นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ใหม่ยังรวมถึงความปลอดภัยด้านพลังงานและธัญญาหารด้วย

ตั้งแต่นายซูเกง ราฮาร์ดโจ ดำรงตำแหน่งเมื่อเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นมา ก็ได้เดินทางบ่อยครั้งระหว่างจีนกับอินโดนีเซีย เขาเห็นว่า จีนเป็นประเทศใหญ่อันดับที่ 2 ด้านเศรษฐกิจ ส่วนอินโดนีเซียเป็นประเทศอาเซียนที่มีความเติบโตด้านเศรษฐกิจและมีประชากร 250 ล้านคน สองฝ่ายมีโอกาสร่วมมือกันมาก การเดินทางระหว่างสองประเทศของเขาก็เป็นการเตรียมเพื่อยุทธศาสตร์ใหม่ของประธานาธิบดีคนใหม่ของอินโดนีเซียด้วย

Toon/Ldan