เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์ซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เศรษฐีจีนเดี๋ยวนี้ ไม่เน้นทุ่มเงินอวดรวยกันด้วยการแต่งกายหรือใช้ของราคาแพงเพื่อแสดงฐานะทางสังคมกันแล้ว แต่หันมาให้ความสำคัญกับการรวยคุณสมบัติในการเข้าสังคมตามธรรมเนียมตะวันตกมากขึ้น
จากข้อมูลของบริษัทเดอะบอสตันคอนซัลติ้งกรุ๊ป (BCG) ที่ปรึกษาทางธุรกิจระบุว่า เศรษฐีจีนที่มีสินทรัพย์นับล้านมีจำนวนมากเป็นอันดับ 2 ของโลก จากปี 2012 ที่มีจำนวน 1.5 ล้านครอบครัวเพิ่มเป็น 2.4 ล้านในปี 2013 และเนื่องจากทรัพย์สินที่เพิ่มพูนขึ้น ความต้องการและความปรารถนาของเศรษฐีจีนจึงไม่หยุดอยู่แค่มีภายนอกดูร่ำรวยแค่นั้น แต่ยอมทุ่มเงินเพื่อยกระดับพฤติกรรมของตนให้เหมาะสมกับระดับฐานะที่สูงขึ้น ด้วยการสมัครเข้าคอร์สอบรมมารยาทในการเข้าสังคมชั้นสูงของตะวันตก ทั้งนี้ เนื่องจากผู้คนต่างคาดหวังว่าจะลดความผิดพลาด ไม่ทำเรื่องขายหน้าในโอกาสติดต่อทางธุรกิจหรือไปพักผ่อนในต่างประเทศ
รายงานได้ยกตัวอย่างสถาบันฝึกอบรมมารยาทแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ที่มีการเปิดสอนคอร์สอบรมคุณหญิงคุณนายสำหรับสตรีที่แต่งงานแล้ว และยังมีคอร์สอบรมกุลสตรีสำหรับสตรีที่ยังไม่แต่งงานด้วย ค่าเรียนสำหรับคอร์สคุณหญิงคุณนาย ระยะเวลา 12 วันเท่ากับ 16,345 ดอลลาร์สหรัฐ โดยจะเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับมารยาทในการเข้าสังคมชั้นสูง แนวทางการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ เทคนิคในการเข้าสังคม มารยาทตามร้านอาหารหรือในโรงแรม รวมถึงการอ่านออกเสียงสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ อย่างถูกต้อง เป็นต้น
สำหรับคอร์สกุลสตรี ระยะเวลา 10 วัน จะอบรมสาวโสดที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป โดยเน้นไปที่มารยาทในการออกเดท การแนะนำตนเอง การพูดคุย รวมถึงเทคนิคในการแต่งกาย เป็นต้น
นอกจากนี้ รายงานยังระบุว่า พ่อแม่จีนที่มีฐานะร่ำรวยทั้งหลาย นิยมส่งลูกไปศึกษาต่อในประเทศตะวันตกมากขึ้น อาจส่งเข้าโรงเรียนประจำหรือเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ผู้ปกครองจึงต่างพยายามที่จะกรุยทางเพื่อการไปศึกษาต่อให้กับลูกอย่างเต็มที่
สถาบันอบรมการใช้ชีวิตอย่างหรูหราแห่งหนึ่ง ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ในอังกฤษระบุว่า คอร์สการสร้างแบรนด์บุคคลและมารยาทในการรับประทานอาหารนั้น มีค่าเรียนเฉลี่ยอยู่ที่ 735 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนคอร์สเกี่ยวกับเทคนิคการเข้าถึงจะอยู่ที่ 850 ดอลลาร์ เป็นต้น เนื้อหาที่สอนส่วนหนึ่งแม้จะดูธรรมดามาก อาทิ การจับมือ การติดต่อสื่อสารด้วยดวงตา แต่นักเรียนจีนยังคงทำได้ไม่ธรรมชาตินัก
อาจกล่าวได้ว่าการเรียนรู้ในเรื่องเหล่านี้ ไม่ใช่เพียงเพื่อรู้ถึงความถูกผิด แต่ที่มากไปกว่านั้นคือเพลิดเพลินไปกับการเรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่าง เพื่อยกระดับความรู้ความเข้าใจของตนเอง
เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府