พิพิธภัณฑ์หมวก (2)
  2015-02-10 16:54:41  cri

คุณสวุน ฉงเกายังแนะนำว่า ก่อนสมัยราชวงค์ฉิง หมวกหรือพระมาลาของจักรพรรดิ์ไม่มีการจำกัด แต่พอถึงจักรพรรดิ์ฉิงซีฮ่องเต้ ได้กำหนดลักษณะพระมาลาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะกษัตรย์ อย่างเช่น ในพิพิธภัณฑ์จะเห็นพระมาลาลำลองของจักรพรรดิ์ฉิงซี เมื่อสมัยนั้นเรียกว่า "ตี้เหมี่ยน" เป็นพระมาลาที่จักรพรรดิ์ทรงใช้ในพิธีขึ้นครองราชย์และพิธีสำคัญอื่นๆ ภายนอกเป็นสีดำ ภายในเป็นสีแดง ข้างบนเป็นไม้สี่เหลี่ยม ด้านหน้าสูงกว่าด้านหลัง และประดับด้วยลูกปัดร้อยหลายเส้น "เหมียน"ของพระจักรพรรดิ์ต้องมีลูกปัด 12 เส้น ส่วนเจ้าเมืองมีลูกปัด 9 เส้น ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ 5-7 เส้นเป็นต้น แต่ละยุคสมัยมีการกำหนดไม่ค่อยเหมือนกัน อย่างเช่นในยุคหนันเป่ยเฉา ซึ่งอยู่ช่วง ค.ศ 420-589 ปี ห่างจากปัจจุบัน 1,500 กว่าปี เฉพาะพระจักรพรรดิ์เท่านั้นที่จะทรง"เหมียน"ได้

นอกจากได้ชมพระมาลาของพระจักรพรรดิ์แล้ว ยังได้ชมพระมาลาสำของพระราซินีของสมัยราชวงค์หมิงและชิงด้วย ตลอดจนเครื่องประดับพระเกศาของพระราชินีและสนมด้วย แถมยังมีหมวกของขนนางชั้นผู้ใหญ่สมัยราชวงค์หมิงและชิงที่เราจะพบได้เห็นบ่อยภาพยนต์หรือละครโทรทัศน์

ในพิพิธภัณฑ์ เรายังจะได้เห็นหมวกสานสีทองอันหนึ่ง ซึ่งมีประวัติกว่า 120 ปีแล้ว หมวกใบอันนี้ไม่ได้สานด้วยหญ้าแต่สานด้วยใยจากสัตว์ทะเลลึก มีสีเป็นสีทอง สวยงามมาก

ที่มุมหนึ่งยังมีหีบ ยาว 1.55 เมตร กว้าง 0.65เมตร สูง 0.7 เมตร ซึ่งเป็นหีบใส่หมวกเป็นการเฉพาะ เจ้าหน้าที่ในพิพิธภัณฑ์เล่าว่า หีบนี้เป็นสมบัติของพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นหีบไม้การบูร มีประวัติกว่า 100 ปีแล้ว ในอดีตเป็นที่เก็บหนังสัตว์ที่ลำค่า เพราะสามารถป้องกันแมลง และความชื้นได้

กล่องใส่หมวกในพิพิธภัณฑ์ก็มีลักษณะที่แตกต่างกันมากมาย บางใบทำด้วยหนังวัวและเขียนภาพสีทองไว้อย่างสวยงาม บางใบทำด้วยไม้ และข้างในยังมีโครงทองแดงเพื่อวางหมวก นอกจากนั้น ยังมีกล่องที่มีรูปร่างต่างกัน หรือใช้วัสถุที่ต่างกันหลายสิบอัน ซึ่งล้วนได้ประวัติกว่า 100 ปีแล้ว

เมื่อพูดถึงหมวก ก็ต้องพูดถึงร้านขายหมวก "เซิ่งซีฝู" เพราะร้านนี้มีประวัติมากว่าร้อยปีแล้ว เมื่อปี 2005 ร้าน"เซิ่งซีฝู"ยังได้ชื่อว่า เป็นยี่ห้อเก่าของจีน และเมื่อปี 2008 ยังได้ขึ้นทะเบียนมรดกวัฒนธรรมระดับชาติ

หลิว ซีซาน เกิดที่มณฑลซานตง ตอนเด็ก เนื่องจากครอบครัวยากจนมากเขาจึงเดินทางจากบ้านเกิดหางานทำที่ต่างมณฑล เนื่องจากเขาฉลาดมากจึงได้ทำงานกับนักธุรกิจต่างชาติ จึงค่อยๆเรียนรู้ภาษาต่างประเทศและวิถีการบริหารงาน ในระหว่างการทำงาน เขายังได้เรียนรู้ขั้นตอนและวิถีการสานหมวกจากฟาง และเมื่อปี 1911 หลิว ซีซานกับคู่ค้าอีกหลายคนได้เปิดร้านขายหมวกขนาดเล็กที่เมืองเทียนจิน เพื่อเลี้ยงชีวิต และตั้งชื่อว่า"เซิ่งจู้ฝู" แต่สิ่งที่คาดคิดไม่ถึงคือ ธุรกิจของเขารุ่งมาก และได้กำไรทุกปี และเมื่อปี 1917 เขาได้เปิดร้านใหม่และตั้งชื่อว่า "เซิ่งซีฝู" ต่อมา เขาได้นำเข้าเครื่องสานหมวกจากต่างประเทศและเริ่มเปิดโรงงานผลิตหมวก ช่วงที่รุ่งเรืองที่สุด ร้านขายหมวก"เซิ่งซีฝู"ได้เปิดสาขาต่างๆกว่า 20 แห่งทั้งที่เมืองหนันจิง เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง อู่ฮั่นเป็นต้น นอกจากนั้น ยังส่งออกไปยังกว่า 20 ประเทศทั่วโลก อาทิ

สหรัฐ ออสเตรเลีย ฝรั่งเศสและสเปน เป็นต้นกว่า 20 ประเทศในทั่วโลก

In/LJ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
ตอบคำถามออนไลน์
ทบทวนรายการน่าสนใจ
ภาพยอดฮิต
เว็บไซต์ึเพื่อนซีอาร์ไอ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Play Stop
© China Radio International.CRI. All Rights Reserved.
16A Shijingshan Road, Beijing, China. 100040