专访Banpu总裁
|
พลังงานเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตและแทบจะทุกกิจกรรมของมนุษย์ในปัจจุบัน ตั้งแต่ตื่นตอนเช้าจนถึงเข้านอนตอนกลางคืนชีวิตเราต้องยุ่งเกี่ยวกับพลังงานต่างๆในหลายรูปแบบ แหล่งกำเนิดหรือผู้ผลิตพลังงานก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ชีวิตเราดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
บริษัทบ้านปูจำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทสัญชาติไทยที่เริ่มก่อตั้งในปีค.ศ.1983 ธุรกิจหลักของบ้านปูคือด้านถ่านหินและโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า ปัจจุบันได้ทำการขยายกิจการไปลงทุนในประเทศต่างๆเช่น อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย มองโกเลีย ลาวและประเทศจีน
บ้านปูเข้าไปในจีนครั้งแรกเมื่อปีค.ศ. 2003 ในรูปแบบการลงทุนโครงการร่วมด้านถ่านหินก่อนที่จะขยับมาจับอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้าในอีก3ปีต่อมา ข้อมูลเมื่อปลายปีที่แล้วระบุว่าพนักงานของบ้านปูใน7ประเทศมีจำนวนกว่า6,000คน โดยจำนวนพนักงานในประเทศจีนมีมากเป็นอันดับสาม รองจากอินโดนีเซียและออสเตรเลีย
3 เรื่องสำคัญที่ทางบ้านปูใส่ใจเมื่อไปทำธุรกิจในต่างแดนได้แก่ การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่นนั้น, การดำรงไว้ซึ่งมาตรฐานในการควบคุมด้านสิ่งแวดล้อมและการสร้างงานในท้องถิ่น
กุญแจสู่ความสำเร็จในการทำธุรกิจต่างแดนโดยเฉพาะในเรื่องอ่อนไหวที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อม คุณชนินทร์ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการบริหารของบริษัทบ้านปูจำกัด (มหาชน) ได้อธิบายกับทางผู้สื่อข่าว CRI ดังนี้ ก่อนที่จะเข้าไปในพื้นที่ใหม่ๆเขาได้ส่งผู้เชี่ยวชาญจากบริษัทไปเรียนรู้และทำความคุ้นเคยกับท้องถิ่นนั้นๆ และเมื่ออยู่ตัวแล้วก็ค่อยๆเรียกตัวกลับ เน้นจ้างบุคลากรจากท้องถิ่นมากกว่า การทำแบบนี้นอกจากจะช่วยลดปัญหาเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรมแล้ว ยังถือว่าเป็นการสร้างงานและรายได้ให้กับคนท้องถิ่นด้วย นอกจากนี้ยังมีทีมที่ไปทำความเข้าใจกับคนท้องถิ่น อธิบายว่าเราจะเข้าไปทำอะไร สิ่งที่จะทำนั้นมีผลต่อพวกเขาอย่างไรบ้าง จะสร้างประโยชน์และมูลค่าให้แก่ประเทศนั้นๆอย่างไร
ธุรกิจด้านถ่านหินและพลังงานเป็นกิจกรรมที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน บริษัท/โรงงานต้องไปอยู่ในพื้นที่นั้นเป็นเวลาขั้นต่ำ20ปี การเป็นที่ยอมรับ การเป็นมิตรกับรัฐบาลและคนในท้องถิ่นเป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่จะทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ
สำหรับแนวโน้มความต้องการพลังงานในตลาดโลกนั้น คุณชนินทร์คาดการณ์ว่า ในอีก15-20ปีข้างหน้าความต้องการพลังงานจากถ่านหินยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียอย่างอินเดียและเวียดนาม สำหรับจีน-ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกยังต้องการพลังงานจากนิวเคลียร์และพลังงานทดแทนต่างๆ แต่ความต้องการพลังงานจากก๊าซจะลดลง เพราะราคาก๊าซจะไปมีผลต่อค่าใช้จ่ายในแทบทุกด้าน และหวังว่าอีกห้าปีข้างหน้าพลังงานโซล่าร์เซลล์จะมีราคาถูกลงเพื่อสามารถตอบสนองกับความต้องการของตลาดได้อย่างดียิ่งขึ้น
สถานการณ์ของพลังงานถ่านหินในปัจจุบันอยู่ในช่วงขาลง ธุรกิจจะอยู่รอดได้ต้องมีการจัดการที่ดีลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและลงทุนในเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆอย่างเช่น อัลตรา-ซุปเปอร์คริติคอล ( ultra-super critical) การนำเทคโนโลยีมาใช้จะช่วยให้การผลิตพลังงานจากถ่านหินเป็นแบบโลว์คาร์บอน(low carbon) ใช้ปริมาณน้อยลงแต่ให้พลังงานและความร้อนมากขึ้น และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สรุปง่ายๆว่าประหยัดแถมเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นนั่นเอง
ขอขอบคุณสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีนกับการจัดกิจกรรมดีๆและโอกาสในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ค่ะ
เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿