李出访/湄公河/讲话
|
กรุงเทพฯ – นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีของสาธารณรัฐประชาชนจีนกล่าวถ้อยแถลงในงานเปิดการประชุมสุดยอดผู้นำGMS ครั้งที่5 ซึ่งมีผู้นำจากทั้ง6ประเทศในเขตอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2557 ณ โรงแรมแชงกรี-ล่า สรุปได้ใจความสำคัญดังนี้
นายกหลี่มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มาเยือนกรุงเทพฯ ต้องขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้เตรียมการจัดงานประชุมในครั้งนี้อย่างเพียบพร้อม ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นายกหลี่เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำ GMS และมีความยินดีที่ได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนเก่าและใหม่ ขณะนี้ทั่วโลกกำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ เอเชียก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน แต่อย่างไรก็ดี ยังถือว่าเป็นภูมิภาคที่มีอนาคตมีความสดใสซึ่งก็มีสาเหตุมาจากความสงบสุขและมิตรภาพภายในเอเชียเอง
จีนกับอาเซียนถือได้ว่ามาถึงจุดที่ความสัมพันธ์เปิดกว้าง เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กันในหลายๆด้าน เมื่อปีที่แล้ว การประชุมระหว่างจีนและอาเซียนได้มีการตกลงที่จะปฏิบัติตาม"กรอบความร่วมมือ 2+7" โดยจีนก็จะดำรงรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขในภูมิภาค ให้การสนับสนุนอย่างสุดความสามารถและมองอาเซียนเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญ
สำหรับจีนแล้ว ประเทศในเขต GMS นั้นถือเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดที่สุด โดยได้นำเอาสุภาษิตจีน "มีเพื่อนบ้านดีมีค่ากว่าญาติมิตรที่อยู่ไกล" มาเปรียบเทียบความสัมพันธ์ของจีนกับประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ต่างคนต่างเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน เนื่องจากประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงส่วนใหญ่เป็นประเทศกำลังพัฒนา การคมนาคมที่ดีนั้นจะมีผลโดยตรงต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
เมื่อวานนี้ไทยกับจีนก็ได้ลงนามใน MOU ที่จะสร้างเส้นทางรถไฟความยาวประมาณ 800 กิโลเมตรในไทย โดยนายกหลี่ได้ให้ความมั่นใจว่าการก่อสร้างทางรถไฟในครั้งนี้ จะถึงพร้อมด้วยคุณภาพและมาตรฐานและกลายมาเป็นเส้นทางรถไฟสายสำคัญในภูมิภาค รวมถึงเรื่องการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากไทย เช่น ข้าวและยางพารา
จีนยังพร้อมช่วยเหลือเพื่อนบ้านในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทรัพยากรน้ำ, การป้องกันภัยพิบัติทางธรรมชาติ ฯลฯ นอกจากนี้นายกหลี่ยังได้กล่าวถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ยกระดับปรับโครงสร้างทางอุตสาหกรรม ซึ่งทางจีนเองก็พร้อมที่จะยกระดับการผลิตของตนเพื่อให้ได้รับการยอมรับในระดับโลก
ความช่วยเหลือจากจีนจะมาในหลายรูปแบบ ไม่ใช่เฉพาะแต่เรื่องเงินทองแต่ยังรวมถึงด้านความรู้และทรัพยากรมนุษย์ ตัวอย่างเช่นในปีหน้า จีนจะจัดผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆจำนวน 3,000 คน เพื่อไปช่วยอบรมและพัฒนาบุคลากรในพี้นที่ต่างๆ ที่ยังต้องการความช่วยเหลือ
จีนและอาเซียนเป็นคู่ค้าที่ดีต่อกัน เศรษฐกิจของอาเซียนนั้นมีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจของจีน และจีนจะเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรกรรมที่ใหญ่ที่สุดของนานาประเทศ รวมถึงประเทศไทย
ระหว่างการเติบโตและพัฒนาประเทศ พวกเราจะไม่ลืมว่านี่เป็นผลสำเร็จจากความช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน จีนจะพยายามอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อเสถียรภาพ การพัฒนาและความเจริญอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย
เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿