李出访/湄公河/记者会
|
กรุงเทพฯ – นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อเช้าวันที่ 19 ธันวาคม 2557 เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ GMS ครั้งที่ 5 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และได้พบปะกับสื่อมวลชนในบ่ายวันเดียวกัน เนื้อหาที่ทางนายกหลี่ได้ทำการแถลงต่อสื่อมวลชน มีใจความดังนี้
"สวัสดีครับ มิตรสหายสื่อมวลชนทุกท่าน ผมมากรุงเทพฯครั้งนี้เพื่อมาร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ GMS ครั้งที่5 การเดินทางมาร่วมการประชุมฯเป็นการแสดงให้เห็นถึงนโยบายที่แน่วแน่ที่ประเทศจีนจะพัฒนานโยบายฉันท์มิตรกับประเทศรอบข้างโดยเฉพาะประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงและประเทศอาเซียนทุกประเทศ การที่เรากระชับความสัมพันธ์ฉันท์มิตรนี้เป็นสิ่งที่ดีในการพัฒนาอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และอยากจะถือโอกาสการมาร่วมประชุมครั้งนี้กระชับความสัมพันธ์กับประเทศในเขต GMS ซึ่งถือเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับประเทศจีน ความร่วมมือต่างๆที่ประเทศจีนได้ดำเนินกับเพื่อนบ้านเหล่านี้นั้นเราดำเนินภายใต้กรอบอาเซียน และเรามีความประสงค์และเจตนารมณ์ที่ดีในการกระชับมิตรภาพที่จะส่งเสริมความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาค เราอยากจะให้ความเสถียรภาพมั่นคงตรงนี้เป็นสัญญาณที่บ่งบอกโลกได้ทราบว่า ประเทศจีนยืดหยัดแน่วแน่ในการส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคและจะพัฒนาประเทศบนแนวทางพัฒนาอย่างสันติ
เมื่อไม่นานมานี้ ผมได้เดินทางไปยังประเทศเมียนม่าร์เพื่อร่วมประชุมผู้นำเอเชียตะวันออกซึ่งได้บรรลุฉันทามติกับผู้นำอาเซียนทุกประเทศในการพิทักษ์รักษาเสถียรภาพและความมั่นคงตลอดจนเสรีภาพในการเดินเรือในทะเลจีนใต้ การประชุม GMS ครั้งนี้ถือว่าเป็นการสร้างความหลากหลายให้แก่ความร่วมมือในกรอบจีน-อาเซียน และเราจะพยายามผลักดันให้ความร่วมมือตรงนี้สร้างเสถียรภาพ สันติภาพและมิตรภาพในภูมิภาคนี้ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่มีการติดต่อทางภูมิศาสตร์กับประเทศจีน ในวันที่สองของการประชุม (พรุ่งนี้) ผมจะกล่าวคำปราศรัยในที่ประชุมเกี่ยวกับด้านการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคตลอดจนการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและการรักษาระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อม
ต่อไปนี้ขอกล่าวถึงความร่วมมือระหว่างประเทศจีนและประเทศไทยบ้าง เมื่อสักครูผมได้มีโอกาสพบปะกับพลเอกประยุทธ์-นายกรัฐมนตรีไทย และได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนาม MOU ว่าด้วยความร่วมมือด้านรถไฟและการค้าสินค้าเกษตร ซึ่ง MOU สองฉบับนี้ได้ผ่านการอนุมัติจากสภาไทย ถือว่าเป็นการขยายผลการยืนยันในความร่วมมือดังที่กล่าวมานี้อีกครั้งหนึ่ง บนพื้นฐานที่ข้าพเจ้าได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยปีที่แล้วและได้บรรลุฉันทามติในสองเรื่องนี้ กับรัฐบาล(ชุดในขณะนั้น)
จีนและไทยจะร่วมกันสร้างรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐานซึ่งมีความยาวกว่า 800 กิโลเมตร ซึ่งจะส่งผลดีต่อการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย และจะขยายเส้นทางออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทางทิศใต้ ซึ่งจะเป็นเส้นทางที่สำคัญในการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานที่ในภูมิภาค ช่วยส่งเสริมการเดินทางการขนส่งสินค้าของไทยให้คล่องตัวมากขึ้น สะดวกในการส่งออกสินค้า และยังถือเป็นการเปิดเส้นทางใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนได้เดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยด้วย
การก่อสร้างเส้นทางสายนี้จะใช้มาตรฐานและอุปกรณ์จากประเทศจีนซึ่งมีคุณภาพสูง การสร้างทางรถไฟสายนี้ยังถือเป็นการช่วยเหลือและส่งเสริมการส่งออกอุปกรณ์เหล่านี้ไปสู่ต่างประเทศ ถือเป็นการพิสูจน์คุณภาพอุปกรณ์ที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง ช่วยให้คุณภาพของอุปกรณ์จีนได้มีการอัพเกรดและยกระดับมาตรฐานส่งออก นับได้ว่าเป็นการวิน-วินเพราะได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
และเราทั้งสองฝ่ายได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนาม MOU การค้าสินค้าเกษตร ทางจีนจะรับซื้อสินค้าเกษตรของไทยเป็นปริมาณเท่าตัวเมื่อเทียบกับปริมาณรับซื้อของปีที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าข้าวและยางพารา ไทยเป็นประเทศที่ผลิตและส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก จีนเป็นประเทศที่มีประชากรมากมาย เป็นตลาดที่ใหญ่เพียงพอสำหรับผลผลิตจำนวนมากมายเหล่านี้ ความร่วมมือนี้แสดงให้เห็นถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ เป็นการช่วยเหลือชาวนาและชาวไร่สวนยางฯ เป็นการแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพที่แน่นแฟ้นที่เราอยากจะให้หยั่งรากลึกในจิตใจของประชาชนยิ่งขึ้น ผมยังเสนอว่าอยากให้มีกลไกในการสร้างความมั่นคงด้านการค้าสินค้าเกษตรเพื่อลดความเสี่ยงเรื่องความผันแปรของราคาสินค้าในตลาดโลกและความเสี่ยงอื่นๆ
จีนและไทยเป็นประเทศที่รักสันติภาพ จีนไทยไม่ใช่อื่นไกลเป็นพี่น้องกัน ในวาระดิถีที่วันปีใหม่กำลังจะมาถึง ผมในฐานะตัวแทนของชาวจีน, รัฐบาลจีนและส่วนตัวผมเอง ขออวยพรให้ประชาชนชาวไทยจงมีความสุขและขอฝากความปรารถนาดีไปยังประชาชนชาวไทยทุกคน ณ ที่นี้ ขอบคุณครับ"
เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿