นายหัน เฟิง รองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอเชียแปซิฟิกสภาสังคมศาสตร์แห่งประเทศจีนเห็นว่า เจตนารมณ์บันดุงมีความสำคัญแบบป้ายบอกระยะทาง หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 มีมหาประเทศตั้งตัวเป็นใหญ่และวางอำนจเป็นปรปักษ์กัน ลัทธิอาณานิคมและจักรวรรดินิยมยังมีผลกระทบต่อโลก ประเทศกำลังพัฒนาต้องต่อต้านลัทธิอาณานิคมและจักรวรรดินิยมเพื่อแสวงหาการพัฒนาและความเป็นเอกราชของตน ตลอดจนสันติภาพและความร่วมมือของโลก และกำหนดว่าสันติภาพและความร่วมมือเป็นหลักการพื้นฐานระหว่างประเทศกำลังพัฒนา นั่นก็คือหลักการ 10 ประการบันดุง ส่วนประเทศกำลังพัฒนาก็ได้รับความยอมรับจากเวทีโลกด้วยบทบาท โฉมหน้าและแนวคิดใหม่
เวลาผ่านไป 60 ปีแล้ว ปัจจุบัน สถานการณ์โลกมาถึงช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออีกครั้ง มองไปเอเชียแอฟริกา ประเทศกำลังพัฒนาในสองทวีปนี้กำลังเติบโตขึ้น มีทั้งศักยภาพและพลังชีวิตในการพัฒนา ประเทศเอเชียแอฟริกาได้ครองที่นั่งประเทศสมาชิกสหประชาชาติมากกว่าครึ่งแล้ว แต่ลัทธิวางตัวเป็นใหญ่ การเมืองแบบใช้อำนาจบาตรใหญ่ และลัทธิก่อการร้ายยังส่งผลกระทบต่อสันติภาพและเสถียรภาพของโลก ประเทศเอเชียและแอฟริกามีภาระหน้าที่ยาวไกลในการพัฒนาเศรษฐกิจและปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น เมื่อเผชิญกับการพัฒนาของประเทศกำลังพัฒนา ประเทศพัฒนาแล้วต้องบีบโอกาสการพัฒนาของประเทศที่เจริญขึ้นมาใหม่ด้วยวิธีต่างๆ และต้องหาลู่ทางสร้างระเบียบการเมืองเศรษฐกิจใหม่ของโลกเพื่อคงความได้เปรียบต่อไป ฉะนั้น ศาสตรจารย์หวัง ฟัน รองผู้อำนวยการวิทยาลัยการทูตต่างประเทศแห่งประเทศจีนกล่าวว่า แม้ว่าสถานการณ์โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่หลักการพื้นฐานยังคงเหมาะสมกับปัจจุบัน จุดสำคัญคือแสวงจุดร่วม เสวงจุดต่าง อยู่ร่วมกันอย่างสันติ เคารพซึ่งกันและกัน หลักการดังกล่าวเป็นหลักการสำคัญในการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การปฏิบัติตามหลักการดังกล่าว จะเป็นหลักประกันในการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จัดการปัญหาที่เป็นประเด็นร้อน และมุ่งสู่การร่วมกันพัฒนาและเจริญรุ่งเรือง
Yim/Ping