ภายหลังธนาคารเพื่อการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเอเชียหรือ AIIB ประกาศรายชื่อประเทศสมาชิกผู้ริเริ่มก่อตั้งธนาคารรุ่นแรกแล้ว ต่อมาอีกไม่กี่วัน กองทุนเส้นทางสายไหมที่จีนมีแผนจะลงทุน 40,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นั้นก็ได้เซ็นสัญญาลงทุนฉบับแรก
โดยวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมาที่กรุงอิสลามาบัด เมืองหลวงปากีสถาน กองทุนเส้นทางสายไหม กลุ่มบริษัทซานเสียและคณะกรรมการการไฟฟ้าและสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานภาคเอกชนปากีสถาน ได้ร่วมลงนาม "บันทึกช่วยจำเพื่อความเข้าใจและความร่วมมือเกี่ยวกับการบุกเบิกพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำปากีสถาน" ซึ่งนับเป็นการลงทุนรายแรกของกองทุนเส้นทางสายไหม และเป็นสัญลักษณ์ว่า กองทุนเส้นทางสายไหมได้ก้าวขั้นสำคัญสู่การลงทุนที่เป็นรูปธรรม
ผู้เชี่ยวชาญจีนหลายคนแสดงความคิดเห็นว่า การที่รัฐบาลจีนเลือกโครงการพลังงานสำคัญในแถบเศรษฐกิจจีน – ปากีสถานเป็นรายการลงทุนรายแรกของกองทุนเส้นทางสายไหมนั้น สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิด "ชะตาร่วมกัน" ของจีน ที่พัฒนาร่วมกันและสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันกับประเทศรายทางเส้นทางสายไหมทางบกและเส้นทางสายไหมทางทะเลศตวรรษที่ 21 หรือ " 1 แถบ 1 เส้นทาง"
นายหลี่ เหว่ยเจี้ยนผู้อำนวยการศูนย์วิจัยนโยบายต่างประเทศสถาบันวิจัยปัญหาระหว่างประเทศเซี่ยงไฮ้กล่าวว่า เมื่อปี 2013 รัฐบาลจีนและปากีสถานริเริ่มสร้าง "แถบเศรษฐกิจเส้นทางสายไหม" ซึ่งถือเป็นเขตนำร่องการสร้าง " 1 แถบ 1 เส้นทาง" และเป็นเขตสำคัญสำหรับการแสวงหาโอกาสการลงทุนของกองทุนเส้นทางสายไหม
นายหยาง เทา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสถาบันการเงินสภาสังคมศาสตร์จีนกล่าวว่า กองทุนเส้นทางสายไหมเซ็นสัญญาการลงทุนรายแรกในโครงการก่อสร้างโรงกำเนินดไฟฟ้าพลังน้ำของปากีสถานนั้น เป็นความคิดสร้างสรรค์เพื่อแสวงหารูปแบบใหม่ในการลงทุนข้ามชาติเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยถือกองทุนเส้นทางสายไหมเป็นเวทีสำคัญ ทำให้องค์กรการเงินระหว่างประเทศมีโอกาสมาร่วมด้วย
ตามเอกสารบันทึกช่วยจำดังกล่าว โครงการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังน้ำในปากีสถานที่ลงทุนโดยกองทุนเส้นทางสายไหมนั้น จะใช้รูปแบบการดำเนินการเป็นสามขั้นตอน คือ 1.ก่อสร้าง 2.จีนดำเนินการ 3.โอนให้ปากีสถาน โดยจะเริ่มก่อสร้างปลายปีนี้ และเปิดใช้ในปี 2020 จีนจะดำเนินงานและประกอบธุกิจที่เกี่ยวข้องเป็นเวลา 30 ปี เมื่อหมดเวลาสัญญา จะโอนให้รัฐบาลปากีสถานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนเส้นทางสายไหม
เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2014 ช่วงที่จัดการประชุมเอเปค ณ กรุงปักกิ่ง นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนประกาศว่า จีนจะลงทุนตั้งกองทุนเส้นทางสายไหม เพื่อให้การสนับสนุนสมทบทุนสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การบุกเบิกทรัพยากร ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมการผลิตและความร่วมมือทางการเงินของประเทศรายทาง" 1 แถบ 1 เส้นทาง"
การสมทบทุนเป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้าง" 1 แถบ 1 เส้นทาง" สถิติของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียปรากฏว่า ระหว่างปี 2010 – 2020 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศต่างๆ ในเอเชียให้ถึงมาตรฐานเฉลี่ยของโลกนั้น ต้องใช้ทุน 8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภูมิภาคต้องใช้ทุนอีก 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ รวมแล้วเป็นตัวเลขที่มหาศาล
(In/Lin)