ผู้สื่อข่าวภาคภาษาไทยซีอาร์ไอ:
วันนี้ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่มีโอกาศสัมภาณ์ท่านอีกครั้งหนึง ขอบคุณท่านเป็นอย่าง คำถามแรกก็คือประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้ริเริ่มโครงการ "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ท่านคิดว่า ภายใต้กรอบนี้ ไทยสามารถแสดงบทบาทและข้อได้เปรียบอย่างไร นโยบาย"หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" จะสร้างผลประโยชน์ให้กับประเทศไทยและประชาชนไทยอย่างไร
ดร.โภคิน พลกุล:
เส้นทางที่ท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงพูดเป็นเส้นทางสายไหมซึ่งพยายามเอาแนวทางเดิมมาทำให้ดีขึ้น พัฒนาขึ้น ที่ไทยจะได้ประโยชน์ก็ต้องเป็นเส้นทางที่ลงมาทางใต้ที่จากจีนลงมาทางใต้มาอาเซียน
ส่วนเส้นทางที่จีนไปทางปากีสถาน ไปทางยุโรปนั้น ก็อาจะเป็นประโยชน์ทางอ้อม คือมันเชื่อมติดต่อกัน เป็นเส้นทางทางบก
ถ้าพูดถึงทางบก มาทางรถไฟก่อน ในอาเซียน ไทยเป็นศูนย์กลาง ที่ศูนย์กลางที่ว่านี้ คือในแง่ของสถานที่ตั้ง ถ้าจากจีนจะลงไปทางใต้ทางมาเลเซียไปสิงคโปร์ อินโดนีเซียต้องผ่านไทย หรือทางประเทศเวียดนาม ลาว กัมพูชาจะไปทางพม่าทางอินเดียก็ต้องผ่านไทย
ดังนั้น ถ้าไทยไม่ร่วมมือหรือไทยไม่เห็นประโยชน์ ทุกอย่างจะเป็นไปไม่ได้ ซึ่งก็โชคดีที่ไทยก็เห็นประโยชน์อย่างนี้ แล้วไทยเองก็มองไม่ได้ต่างกับจีนนะครับว่า ประโยชน์ที่จะเกดขึ้นนั้นต้องยุติธรรม แล้วที่ท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงท่านพูดว่า ทุกอย่างต้องที่เรามาทำต้อง "win win"
(Cui)