เขากล่าวว่า ช่วง 40 ปีมานี้ ความร่วมมือด้านต่างๆ ระหว่างทั้งสองประเทศ เช่น การเมือง เศรษฐกิจ การค้า วัฒนธรรม การศึกษา และการท่องเที่ยวได้พัฒนาคืบหน้าไปมาก ประชาชนของทั้งสองประเทศมีการแลกเปลี่ยนและความเข้าใจกันมาก ขึ้นเรื่อยๆ
นายหนิง ฟู่ขุยยังกล่าวอีกว่า เขามั่นใจในอนาคตความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ไทย เพราะทั้งสองประเทศมีเป้าหมายการพัฒนาที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกัน มีความไว้วางใจกันทางยุทธศาสตร์ และมีประโยชน์ร่วมกันมาก รัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการพัฒนามิตรสัมพันธ์กับไทยอย่างมาก ไม่ว่าสถานการณ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร จุดยืนของจีนที่จะพัฒนามิตรสัมพันธ์และความร่วมมือกับไทยนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น
นายหนิง ฝูขุย เผยว่า ในวันข้างหน้า จีนกับไทยจะกระชับการแลกเปลี่ยนในทุกด้านและทุกระดับให้ แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีส่วนเกื้อกูลกัน และมีโอกาสความร่วมมือมากขึ้น อีกทั้งให้ความสัมพันธ์ที่ดีด้านการเมืองนำไปสู่ประโยชน์ร่วมกันที่เป็น รูปธรรมมากขึ้น ปี 1975 เป็นปีที่จีนและไทยสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ยอดการค้าสองประเทศในปีนั้นมีเพียง 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น แต่พอถึงปีที่แล้ว ยอดการค้าระหว่างสองประเทศเพิ่มขึ้นถึง 72,600 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 3,000 เท่าเมื่อเทียบกับ 40 ปีก่อน ในวันข้างหน้า จีนกับไทยจะมีโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าอีกมาก
นายหนิง ฟู่ขุย แสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจของจีนกับไทยมีส่วนเกื้อกูลกันมาก ทั้งสองประเทศยังมีโอกาสความร่วมมือในด้านต่างๆ อีกมาก เช่น การสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน การเชื่อมโยงกันในด้านต่างๆ การลงทุนและการค้า เป็นต้น การลงทุนน่าจะเป็นภาคที่ขยายตัวได้มากที่สุดในความร่วมมือด้าน เศรษฐกิจระหว่างทั้งสองประเทศ ในอดีต จีนสนใจแต่การดึงทุนต่างชาติ แต่ปัจจุบัน จีนสนใจทั้งการดึงทุนต่างชาติ และการไปลงทุนที่ต่างประเทศ
สำหรับโครงการความร่วมมือรถไฟ นายหนิง ฟู่ขุย กล่าวว่า จีนไทยได้ลงนามในบันทึกช่วยจำเกี่ยวกับความร่วมมือด้านรถไฟก่อน สิ้นปี 2014 ขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุความเห็นที่เป็นเอกฉันท์ด้านกรอบความร่วมมือ แผนการก่อสร้าง และรูปแบบความร่วมมือแล้ว ส่วนงานวิจัยที่เกี่ยวข้องก็ได้เริ่มดำเนินการแล้ว
(YIN/cai)