สำนักข่าวซินหวารายงานว่า วันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา นายกฯ หลี่ เค่อเฉียงที่อยู่ระหว่างการเยือนประเทศฝรั่งเศสประกาศขณะพบปะกับนายฟรองซัวส์ โอลลองด์ ประธานาธิบดีฝรั่งเศสว่า รัฐบาลจีนได้ร่างเอกสารว่าด้วยคุณูปการของจีนในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และได้ยื่นต่อสำนักเลขาธิการของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศแล้ว โดยเอกสารฉบับนี้ได้สรุปความคิดเห็นของจีนที่มีต่อการกระบวนการเจรจาของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในปลายปีนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของจีนในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แสดงให้เห็นภาระหน้าที่ของจีนในการร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั่วโลกและผลักดันการพัฒนาของประชาชนทั่วโลก
โดยเอกสารดังกล่าวระบุว่า จนถึงปี 2030 ปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยจีดีพีต้องลดลงร้อยละ 60-65 เมื่อเทียบกับปี 2005
นายหลี่ จวิ้นเฟิง ผู้อำนวยการศูนย์ยุทธศาสตร์ภูมิอากาศแห่งชาติจีนกล่าวว่า การตั้งเป้าหมายการดำเนินงานปี 2030 ของจีนนั้น ไม่เพียงแต่เป็นแผนงานปฏิบัติที่กำหนดไว้ในกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเท่านั้น หากยังประกาศความตั้งใจและจุดยืนของจีนต่อทั่วโลกว่า จีนเดินตามหนทางพัฒนาแบบสีเขียว คาร์บอนต่ำและรีไซเคิล โดยเน้นการปรับเปลี่ยนทางการเติบโต พลังงานและอุปโภคบริโภค
เป้าหมายของจีนคือเรียกร้องให้ปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในปี 2030 ลดลงร้อยละ 60-65 เมื่อเทียบกับปี 2005 เท่ากับว่า อัตราการลดต่อปีในช่วงปี 2005-2030 ต้องอยู่ที่ร้อยละ 3.6-4.1
จีนเป็นประเทศที่ใช้พลังงานจำนวนมหาศาล โดยใช้ถ่านหินเป็นหลัก ในปี 2014 จีนได้ใช้ถ่านหิน 4,260 ล้านตัน คิดเป็นหนึ่งในสี่ของทั่วโลก
ถ้าหากจนถึงปี 2030 พลังงานที่ไม่เป็นฟอสซิลของจีนได้สัดส่วนร้อยละ 20 ในพลังงานทั้งหมด ก็แสดงว่าอีก 16 ปีข้างหน้า จีนจะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงเกือบ 2,000 ล้านตัน
(Yim/Cui)