วันที่ 23 กันยายนนี้ การประชุมสุดยอดว่าด้วยภูมิอากาศของสหประชาชาติประจำปี 2014 จะจัดขึ้นที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติที่นครนิวยอร์ก โดยจะมีผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกว่า 120 ประเทศมาร่วมประชุม ตามคำเชิญของนายบัน คีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ นายจาง เกาลี่ ทูติพิเศษของนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน รองนายกรัฐมนตรีจีนได้เดินทางไปร่วมประชุมพร้อมกล่าวปราศรัย โดยได้บรรยายจุดยืนและมาตรการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศของจีน
เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา จีนได้ประกาศแผนการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศถึงปี 2020 นายเซี่ย เจิ้นหวา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการการปฏิรูปและการพัฒนาแห่งชาติจีนกล่าวในวันเดียวกันว่า การประกาศแผนการดังกล่าวก่อนการประชุมสุดยอด ก็เพื่อแสดงต่อประชาคมโลกว่า จีนเป็นประเทศใหญ่ที่รับผิดชอบ
ตามแผนการดังกล่าว ถึงปี 2020 จีนจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ 40-45% เมื่อเทียบกับปี 2005 ส่วนพลังงานที่ไม่ใช่เคมีหรือน้ำมันปิโตรเลียมคิดเป็น 15% ของจำนวนทั้งหมดที่บริโภค เขากล่าวว่า จนถึงปัจจุบัน กระบวนการลดการกระจายพัฒนาอย่างราบรื่น ถึงแม้ว่ามีอุปสรรคมากมาย แต่ก็ดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ และบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
ในรอบสิบปีกว่าที่ผ่านมา จีนใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อลดการกระจาย เช่น ปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรม ปรับปรุงโครงสร้างพลังงานให้ดีขึ้น จำกัดการปล่อยน้ำเสียและไอเสีย ริเริ่มชีวิตคาร์บอนต่ำ เป็นต้น
นายเซี่ย เจิ้นหวา กล่าวอีกว่า การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศนั้น ไม่เพียงแต่เป็นการท้าทายต่อจีน อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่ดีให้จีนปรับปรุงโครงสร้าง และเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจด้วย การประหยัดพลังงาน การลดการกระจาย และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศนั้น จะช่วยให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ ดังนั้นอุตสาหกรรมการประหยัดพลังงานและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของจีนพัฒนาอย่างรวดเร็ว คาดว่า จนถึงปี 2015 ยอดมูลค่าของอุตสาหกรรมจะเป็น 450 ล้านหยวน ให้โอกาสการทำงานประมาณ 32 ล้านคน ดังนั้น การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศไม่ได้ขัดต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ถ้าจัดการด้วยดี สามารถพัฒนาได้ทั้งสองอย่าง
Yim/Ldan