กรุงเทพฯ – เนื่องในโอกาสที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันครบ 40 ปี สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ได้จัดงาน สัมมนาพร้อมรับประทานอาหารกลางวัน ภายใต้หัวข้อ" 40 ปีไทย-จีน กับมิติใหม่ในทศวรรษที่ 5" โดยงานนี้จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ.2558 เวลา 11.30 -15.00 น. ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม B โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว
งานนี้ได้รับเกียรติจากแขกพิเศษ 2 ท่าน คือนายนิ่ง ฟู่ขุย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย และนายธนากร เสรีบุรี ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม (จีน) เครือเจริญโภคภัณฑ์มากล่าวปาฐกถาพิเศษ
นายนิ่ง ฟู่ขุย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยได้กล่าวในหัวข้อ "มิติแห่งความสัมพันธ์จีนไทยในทศวรรษใหม่" เปิดเผยว่าความสัมพันธ์ของจีนและไทยว่าเป็นความสัมพันธ์แบบทวิภาคีที่แน่นแฟ้นที่สุดของจีนกับเพื่อนบ้าน เป็นแบบอย่างความสัมพันธ์ที่มีทั้งการร่วมมือและเกื้อกูลประโยชน์ซึ่งกันและกัน ถึงแม้ว่าระบอบการปกครองของทั้งสองประเทศจะแตกต่างกันก็ตาม
ความสัมพันธ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญหรือแค่ชั่วข้ามคืน ถือได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ในลักษณะพิเศษ
จีนยังคงยืนหยัดกับการเคารพการเลือกเส้นทางการพัฒนาประเทศของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น เคารพการตัดสินใจของเพื่อนเสมอ ถึงแม้จะได้คบมิตรใหม่แต่ก็ไม่เคยลืมมิตรสหายเก่า
กระแสนิยมการเรียนภาษาจีนในประเทศไทยได้แพร่ไปอย่างรวดเร็ว ข้อมูลทางสถิติบอกว่าตั้งแต่เดือนมกราคม – เดือนกรกฎาคม ปีนี้ มีนักท่องเที่ยวจีนมาเยือนไทยแล้วมากถึง 4,780,000 คน ซึ่งพอถึงวันชาติน่าจะมีอีกจำนวนมากที่จะเดินทางเข้ามา
"ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน" 40 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทยจีนได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความเป็นญาติ เป็นมิตรร่วมทุกข์ร่วมสุข หากเรากลับมาพิจารณาให้ลึกซึ้ง สิ่งที่เราควรกระทำคือเชื่อมยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศตนให้ไปในทิศทางเดียวกันกับมหามิตร เพื่อที่จะก้าวหน้าและพัฒนาไปพร้อมๆกัน
ส่วนเรื่องการร่วมมือกันในด้านสร้างทางรถไฟนั้น ทางจีนยังคงยืนยันว่าทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานของการอำนวยประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดยประเทศไทยจะไม่เสียเปรียบอย่างแน่นอน
ด้านนายธนากร เสรีบุรี ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจยานยนต์และอุตสาหกรรม (จีน) เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "มองอนาคตความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนไทยจีน ปี 2015-2025" โดยมองว่าในอนาคตเศรษฐกิจของจีนยังมีความสดใส โดยไทยสามารถมองโอกาสเข้าไปร่วม เช่นในอุตสาหกรรมภาคบริการ, การตั้งตนเป็นศูนย์กลางและฐานการผลิตของตลาดอาเซียน, การใช้การท่องเที่ยวของไทยให้เป็นจุดขาย, การบริการสาธารณสุข รักษาพยาบาลผู้สูงอายุซึ่งมีความก้าวหน้าและได้มาตรฐาน ในขณะที่จีนกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และด้านการศึกษาที่เสนอให้ไทยเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ค่าใช้จ่ายไม่แพงและเดินทางไม่ไกลเกินไปสำหรับชาวจีนที่ต้องการส่งลูกหลานไปเรียนยังต่างประเทศ
เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿