กรุงเพฯ –ททท. เปิดตัวโครงการ 15000 ไมล์จากอัลไตสู่สุวรรณภูมิ คาราวานรถยนต์ตามเส้นทางสายไหมสู่เส้นทางท่องเที่ยวใหม่ สานสัมพันธไมตรี วัฒนธรรมกับการท่องเที่ยวไทย-จีน เน้นกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยให้ประเทศไทยเป็นจุดศูนย์กลาง ทำการแถลงข่าวโครงการนี้ไปเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2558 ณ ททท สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรมจีนกล่าวภายในการแถลงข่าว 15000 ไมล์จากอัลไตสู่สุวรรณภูมิ คาราวานรถยนต์ตามเส้นทางสายไหมสู่เส้นทางท่องเที่ยวใหม่ สานสัมพันธไมตรี วัฒนธรรมกับการท่องเที่ยวไทย-จีนว่า ประเทศไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับประเทศจีนเป็นระยะเวลานาน โดยในปีนี้เป็นปีที่ครบรอบการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน ครบ 40 ปี ทั้งยังตรงกับเนื่องในโอกาสสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย กระทรวงวัฒนธรรมสาธารณรัฐประชาชนจีน และสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมรถยนต์แห่งชาติจีน จัดกิจกรรมพิเศษ 15000 ไมล์จากอัลไตสู่สุวรรณภูมิ คาราวานสัมพันธไมตรี วัฒนธรรมกับการท่องเที่ยวไทยจีน และ AEC ขึ้น เป็นการเสริมสร้างความร่วมมือกันระหว่างประเทศ รวมทั้งส่งเสริมและเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ดีตลอดจนเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยววิถีไทย 2558และเป็นการเปิดเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงกับประเทศกลุ่มAEC ด้วย

กิจกรรมดังกล่าวจะออกเดินทางจากประเทศไทยในวันที่ 14 พฤศจิกายน ไปยังเมืองอัลไต มณฑลซินเจียง และจะมีพิธีปล่อยขบวนวันที่ 16 พฤศจิกายน โดยจะเป็นการจัดคาราวานรถยนต์ตามเส้นทางสายไหมจากประเทศจีน สู่สิบสองปันนา ผ่านเข้ามายังประเทศลาว และเข้าสู่ประเทศไทยผ่านทางภาคเหนือจังหวัดเชียงราย ลงมาสู่ 19 จังหวัดภาคกลาง ไปจนถึงจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขรประเทศเมียนมา โดยคาดว่าผลที่จะได้รับ นอกจากสร้างกระแสท่องเที่ยวผ่านสื่อมวลชนทั้งจีนและไทยแล้ว ยังเป็นการปลุกกระแสการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงทางรถยนต์จากประเทศจีนสู่กลุ่มประเทศAEC โดยเน้นช่องทางที่ใช้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางส่งผลให้ประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่มีคุณภาพเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มมากขึ้น และประชาชนในท้องถิ่นยังสามารถเข้ามามีบทบาทในการร่วมทำกิจกรรมการท่องเที่ยวได้ด้วย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดเบื้องต้น ติดตามการเดินทางตลอด 31 วันสามารถเข้าชมได้ที่ www.tiewpakklang.com และที่เฟซบุ๊คแฟนเพจ TAT_Tiewpakklang

เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿