เมื่อค่ำวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เกิดการโจมตีก่อการร้ายอย่างไม่เคยมีมาก่อนที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งกลุ่มไอเอสประกาศว่า รับผิดชอบการโจมตีครั้งนี้ ถือเป็นเหตุวินาศกรรม 11 กันยาของยุโรป
ที่ประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศจี 20 เป็นเวทีการพิจารณาเกี่ยวกับการบริหารเศรษฐกิจโลกของผู้นำองค์กรเศรษฐกิจสำคัญของโลกมาโดยตลอด ภายใต้สภาพการโจมตีของลัทธิก่อการร้ายต่อกรุงปารีส การประชุมสุดยอดครั้งนี้จึงมีบรรยากาศที่ต่างกับปีก่อนๆ ซึ่งมีประเด็นร้อนว่า การต่อต้านการก่อการร้าย โดยผู้นำสหภาพยุโรปเรียกร้องในที่ประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศจี 20 ว่า ให้ร่วมกันรับมือกับลัทธิก่อการร้ายและวิกฤติผู้ประสบภัย นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า ประชาคมโลกต้องสร้างแนวร่วมเพื่อต่อต้านการก่อการร้ายกัน
เหตุกรุงปารีสครั้งนี้เกิดขึ้นในค่ำวันศุกร์ที่ผู้คนต่างมีความระมัดระวังไม่มากนัก โดยมีเหตุการยิงปืน 6 ครั้ง เหตุระเบิด 3 ครั้ง ทำให้มีประชาชนทั่วไปกว่า 100 คนเสียชีวิต แถมอีกประมาณ 2 สัปดาห์ก็จะจัดการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกที่กรุงปารีสด้วย แสดงให้เห็นว่า การโจมตีครั้งนี้มีความทะเยอทะยานมากกว่าการโจมตีก่อการร้ายทั่วไปอย่างมาก
ผู้นำหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และผู้นำองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ต่างแสดงความปลอบขวัญต่อประธานาธิบดีและประชาชนฝรั่งเศส ศูนย์การค้าโลกนิวยอร์ก หอคอยสถานีโทรทัศน์แห่งชาติแคนาดาที่เมืองโตรอนโต ศูนย์การประชุมกรุงดับลินของไอร์แลนด์ สนามฟุตบอลเวมบลี่ย์ (Wembley) ที่กรุงลอนดอน และสิ่งก่อสร้างที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศอื่นๆ ต่างเปิดไฟสีฟ้า สีขาว และสีแดง ซึ่งเป็นสีของธงชาติฝรั่งเศส เพื่อไว้อาลัยผู้เคราะห์ร้าย และแสดงความจริงใจที่จะเคียงข้างกับฝรั่งเศสในภาวะยากลำบาก
ในด้านการโจมตีลัทธิก่อการร้าย ไม่ใช่ว่าประเทศต่างๆ ไม่ได้ใช้ความพยายาม แต่การที่กลุ่มก่อการร้ายขยายอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆ นั้น แสดงให้เห็นว่า มีความยากมากที่ให้ประเทศเดียวระงับการโจมตีก่อการร้าย ประชาคมโลกจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อปราบปรามลัทธิก่อการร้าย โดยเรื่องที่ด่วนที่สุดคือ สร้างความตั้งใจและความมั่นใจด้านการต่อต้านการก่อการร้ายในทุกรูปแบบมากขึ้น เพิ่มความร่วมมือด้านความมั่นคง ร่วมกันต่อต้านลัทธิการก่อการร้าย เพื่อคุ้มครองชีวิตประชาชนประเทศต่างๆ
Yim/Ldan