สำนักข่าวซินหวารายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ การประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 18 ครั้งที่ 5 สิ้นสุดลง โดยผ่านข้อเสนอแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจีนฉบับที่ 13 ซึ่งได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนประเทศต่างๆอย่างกว้างขวาง นายซูเอง ราฮาร์ดโจ (soegeng rahardjo) เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำจีนเห็นว่า นวัตกรรมจะช่วยจีนก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง
ช่วง "แผน 5 ปีฉบับที่ 13" นับเป็นช่วงสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ของจีนในการเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจและเสริมการปฏิรูปอย่างรอบด้าน นายซูเองเห็นว่า "แผน 5 ปีฉบับที่ 13" ของจีนได้แสดงเป้าหมายการพัฒนาทั้งการเมืองและเศรษฐกิจจีนในอนาคตแก่ชาวจีนและผู้คนทั่วโลก ในแนวคิดแกนนำของแผนดังกล่าว นวัตกรรมเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด ซึ่งจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจจีนในขั้นตอนต่อไป และจะช่วยจีนให้ก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง
นายซูเองชี้ให้เห็นว่า นวัตกรรมเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาของจีน โดยเฉพาะในด้านบริการและบริโภค ปัจจุบัน วิสาหกิจจีนมีอิทธิพลสำคัญในกิจการต่างๆรวมถึงการผลิตสมาร์ทโฟนและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น จีนกำลังส่งเสริมนวัตกรรมในแวดวงต่างๆ เพื่อจัดสรรทรัพยากรแรงงาน เงินทุน เทคโนโลยี และการบริหารอย่างเหมาะสม
ต่อเรื่องที่จีนปรับเป้าหมายอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วง "แผน 5 ปีฉบับที่ 13" ให้ต่ำลงเป็น 6.5% นายซูเองเห็นว่า การปรับปรุงดังกล่าวจะเป็นผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจจีนอย่างยั่งยืน ปัจจุบัน การพัฒนาเศรษฐกิจของจีนได้เข้าสู่ "ภาวะปกติใหม่" เชื่อว่า ขณะที่เศรษฐกิจจีนพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง จีนจะกลายเป็นหนึ่งในอิทธิพลสำคัญที่สุดของการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก
นายซูเองกล่าวว่า อินโดนีเซียยินดีจะเข้าร่วมการสร้างสรรค์ตามแผนพัฒนา "เส้นทางสายไหมทางทะเลศตวรรษที่ 21" และหวังว่าอินโดนีเซียกับจีนจะเสริมการเชื่อมโยงและการติดต่อทางการค้าระหว่างกันมากยิ่งขึ้น
Yim/Sun