วันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนร่วมประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 ณ กรุงปารีส และกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมโดยย้ำว่า ทุกฝ่ายต้องมีความจริงใจ มีความมั่นใจ และร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อขับเคลื่อนการสร้างกลไกที่มีความเที่ยงธรรมและสมเหตุสมผลในการแก้ไขปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ บรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลกในระดับที่สูงยิ่งขึ้น และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ร่วมมือกัน และได้ชัยชนะร่วมกัน
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า ข้อตกลงระหว่างประเทศที่มีบทบาทดีนั้นต้องเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน และกำหนดแนวทางการพัฒนาในอนาคต ดังนั้น อนุสัญญาระหว่างประเทศปารีสต้องเน้นการเพิ่มปฎิบัติการในการแก้ไขปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหลังปี 2020 และเติมพลังใหม่ให้แก่กระบวนการสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ของโลก
การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 21 และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโตสมัยที่ 11 จัดขึ้น ณ กรุงปารีสระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – วันที่ 11 ธันวาคมนี้ เพื่อสรุปผลการเจรจาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กรุงปารีส และสร้างกลไกการแก้ไขปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หลังปี 2020 ซึ่งมีความหมายสำคัญยิ่งต่อกระบวนการความร่วมมือพหุภาคีด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า ประเทศพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนามีพันธกรณีที่ผูกพันเชิงประวัติศาสตร์ ขั้นตอนการพัฒนา และความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกัน จึงควรยึดหลักการการร่วมกันรับภาระหน้าที่ แต่ภาระที่ต้องรับนั้นจะมีความแตกต่างกัน ต้องยอมให้ทุกประเทศใช้วิธีการที่สอดคล้องกับสภาพที่เป็นจริงของประเทศตนมากที่สุด ดังนั้น อนุสัญญาที่จะทำขึ้น ณ กรุงปารีสควรคำนึงถึงสภาพความเป็นจริงของทุกประเทศ ต้องสอดคล้องกับความเป็นจริง มีประสิทธิภาพ และเคารพความแตกต่างด้านนโยบายภายในประเทศ การพัฒนาทักษะในการแก้ไขปัญหา และโครงสร้างทางเศรษฐกิจของทุกประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนา การแก้ไขปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาความยากจน และการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนประเทศกำลัง พัฒนา
ท้ายสุด นายสี จิ้นผิง กล่าวว่า การประชุม ณ กรุงปารีส ไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้น จีนเป็นผู้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในภารกิจการแก้ไขปัญหาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศใหญ่อันดับหนึ่งในการใช้พลังงานใหม่ และพลังงานหมุนเวียน การพัฒนาอารยธรรมทางภาวะนิเวศเป็นเนื้อหาสำคัญในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปีฉบับที่ 13 ของจีน โดยจีนจะปฏิบัติตามแนวทางการพัฒนาที่มีนวัตกรรม ประสานด้านต่างๆ เป็นสีเขียว เปิดกว้าง และร่วมรับประโยชย์จากการพัฒนา
(IN/cai)