คนทั่วไปมักจะเคยได้ยินได้ฟังมาแล้วถึงผลดีของ "ชา" รู้ว่าการดื่มชาดีและมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่คนส่วนใหญ่อาจยังไม่ทราบถึงปัจจัยสำคัญอย่างการ "ชงชา" เพราะถ้าวิธีการชงชาไม่ถูกต้อง แม้จะเป็นใบชาที่ดีเลิศก็ไม่อร่อย

ชาที่ชงดี เมื่อดื่มเข้าไปจะรู้สึกสดชื่น ทำให้จิตใจสงบ แต่การจะชงให้ได้ชารสดี ต้องมีใบชาที่ดีเป็นเรื่องสำคัญ แต่นอกจากคุณภาพของชาแล้ว คุณภาพของน้ำ ความร้อนของน้ำ อุปกรณ์ชงชา ระยะเวลาและสัดส่วนของใบชา ก็ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อกลิ่น สีและรสชาติของน้ำชาทั้งสิ้น

วันนี้จึงขอแนะนำปัจจัยสำคัญ 5 ประการที่ส่งผลต่อการชงชา ปัจจัยข้อแรกก็คือ "คุณภาพน้ำ" มีแต่น้ำคุณภาพดี ชาที่ชงออกมาจึงจะมีรสชาติดีตามไปด้วย น้ำแบ่งเป็นน้ำอ่อนกับน้ำกระด้าง ใช้น้ำแบบไหนมาชงชา ย่อมจะส่งผลกระทบต่อสี กลิ่นและรสชาติของน้ำชาที่ได้

น้ำกระด้างก็คือน้ำที่มีหินปูนและแมกนีเซียมละลายอยู่ด้วยค่อนข้างมาก ตรงกันข้ามกับน้ำอ่อน ซึ่งน้ำที่เหมาะในการนำมาใช้ชงชาก็คือ น้ำอ่อน อย่างเช่น น้ำดื่มบริสุทธิ์ และน้ำแร่ เป็นต้น แต่คนส่วนใหญ่เพื่อความสะดวก มักจะนำน้ำประปามาต้มแล้วเอามาใช้ชงชาดื่ม ซึ่งน้ำต้มที่ได้จะมีคลอรีนที่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรคในน้ำละลายปนอยู่ด้วย ซึ่งจะมีกลิ่น ถ้ารีบเอาไปชงชา จะทำให้ชามีกลิ่นอื่นปนอยู่ในนั้นด้วย ฉะนั้น ถ้าอยากจะใช้น้ำประปาไปต้มชงชา ควรต้มน้ำในภาชนะที่ไม่มีฝาปิด เพื่อให้กลิ่นคลอรีนระเหยหมดไป และควรเพิ่มเวลาต้มด้วย

ปัจจัยที่ 2 คือ สัดส่วนใบชากับน้ำ โดยทั่วไป สัดส่วนของใบชากับน้ำมีความแตกต่างกันไปตามรสนิยมความชมชอบของแต่ละคน บางคนอาจชอบดื่มชาแก่ที่มีความเข้มข้นแต่บางคนอาจชอบแบบเจือจาง ซึ่งชาแต่ละชนิดก็มีสัดส่วนที่เหมาะสมในการชงแตกต่างกันด้วย

สำหรับชาเขียวกับชาแดง สัดส่วนของใบชากับน้ำควรเป็น 1 ต่อ 50 โดยมักจะใช้น้ำ 150 มิลลิลิตรต่อใบชา 3 กรัม ชาที่ชงตามสัดส่วนนี้จะมีความเข้มข้นที่พอเหมาะพอดีที่สุด ส่วนชาดำ จะต้องมีใบชาเป็น 2 เท่าของชาเขียวหรือชาแดง ก็คือสัดส่วนใบชากับน้ำต้องเป็น 1 ต่อ 25 จึงจะมีรสชาติที่อร่อยที่สุด นอกจากนี้แล้ว ใบชาอูหลงจะเป็นชาที่ต้องใส่ใบชามากที่สุด มักจะใส่เป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของน้ำ ก็คือใส่ใบชาประมาณครึ่งหนึ่งของภาชนะที่ใช้ชงชา