อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันตรุษจีน หรือวันขึ้นปีใหม่จีนปี 2016
วันตรุษจีนปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ ช่วงนี้ พื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศจีนมีบรรยากาศต้อนรับเทศกาลตรุษจีนคึกคักมาก ชาวบ้านแห่ซื้อของไหว้เจ้าและบรรพบุรุษในเทศกาลตรุษจีนกันอย่างคึกคัก พ่อค้าแม่ค้าในตลาดสดต่างๆ พากันตระเตรียมหมู เป็ด ไก่ ตลอดจนข้าวของเซ่นไหว้มาจำหน่ายให้กับลูกค้าอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอรายงานว่า ย่านการค้า กงจู่เฝิน ซึ่งเป็นย่านการค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง มีบรรยากาศคึกคักมาก ชาวบ้านจำนวนมากเดินทางมาเลือกซื้อสินค้าจำพวก เครื่องกระป๋อง เห็ดหอม ผลไม้ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะส้ม ที่มีวางจำหน่ายจำนวนมาก
ด้านการท่องเที่ยว เจ้าหน้าที่กรมการท่องเที่ยวของกรุงปักกิ่งคาดว่า ช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ สถานการณ์ท่องเที่ยวในกรุงปักกิ่งจะคึกคักกว่าปีอื่น เพราะมีนักท่องเที่ยวจองโรงแรมในระดับ 3-5 ดาว ช่วงเทศกาลตรุษจีนเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาอย่างมาก โดยแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมได้แก่ กำแพงเมืองจีน พระราชวังโบราณ หอฟ้าเทียนถัน รวมทั้งงานวัด "ตี้ถัน"
เทศกาลตรุษจีน เป็นเทศกาลสำคัญที่สุดสำหรับชาวจีนตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวจีนเรียกการฉลองตรุษจีนว่า "กว้อเหนียน" เล่ากันว่าในสมัยโบราณ ในป่าทึบแห่งหนึ่ง มีสัตว์ป่าที่ดุร้ายและน่ากลัวมากตัวหนึ่ง เรียกว่า "เหนียน" มันออกอาละวาดกินคนเป็นประจำ พระเจ้าจึงลงโทษมัน อนุญาตให้มันลงมาจากเขาได้เพียงหนึ่งครั้งใน 365 วัน ดังนั้น เมื่อฤดูหนาวใกล้จะผ่านไป ฤดูใบไม้ผลิเวียนมาใกล้ เหนียน ก็จะออกมาทำร้ายผู้คน เพื่อป้องกันการมาของ เหนียน ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างสะสมเสบียงอาหาร และกับข้าวจำนวนหนึ่งไว้ในบ้าน เมื่อถึงตอนค่ำของวันที่ 30 เดือน 12 ก็จะปิดประตูและหน้าต่างเอาไว้ ไม่หลับไม่นอนตลอดคืน เพื่อต่อสู้กับ เหนียน จนกระทั่งถึงรุ่งเช้าก็จะเป็นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 1 เมื่อ เหนียน กลับไปแล้ว ทุก ๆ ครัวเรือนก็จะเปิดประตูออกมาแสดงความยินดีต่อกัน ที่โชคดีไม่ได้ถูก เหนียน ทำร้าย
ต่อมาพบว่า เหนียน มีจุดอ่อน มีอยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังหวดแส้เล่นกัน เมื่อ เหนียน ได้ยินเสียงแส้ดังเปรี้ยงปร้างก็เลยตกใจเผ่นหนีไป เมื่อ เหนียน ไปถึงหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง เห็นมีชุดเสื้อผ้าสีแดงตากอยู่หน้าบ้านของครอบครัวหนึ่ง สีแดงฉูดฉาดนั้น ทำให้ เหนียน ตกใจและเผ่นหนีไปอีก เมื่อ เหนียน มาถึงหมู่บ้านแห่งที่สาม ปรากฏว่าไปพบเห็นกองเพลิงกองหนึ่งบนถนน แสงเพลิงที่เจิดจ้าทำให้ เหนียน ต้องเผ่นหนีไปอีก ตั้งแต่นั้นมา ผู้คนต่างรู้ว่า แม้ว่า เหนียน จะดุร้ายแต่มันก็กลัวสีแดง เสียงดัง และไฟ ทำให้ผู้คนสามารถคิดหาวิธีกำจัด เหนียน ได้โดยไม่ยากนัก เมื่อวันส่งท้ายปีเก่า ตรุษจีนเวียนมาอีกครั้งหนึ่ง ทุก ๆ ครัวเรือนจึงต่างนำกระดาษสีแดงมาติดไว้บนประตูหน้าบ้าน แขวนโคมไฟสีแดง พร้อมกับจุดประทัดและตีฆ้องรัวกลองอย่างต่อเนื่อง เมื่อ เหนียน มาถึงในตอนเย็น เห็นทุก ๆ ครัวเรือนมีแสงไฟสว่างไสว มีเสียงประทัดดังสนั่นจึงตกใจเผ่นหนีกลับเข้าป่าไป และไม่กล้าออกมาอาละวาดอีก ทุก ๆ คนจึงผ่านพ้นคืนแห่งอันตรายไปอย่างปลอดภัย เมื่อฟ้าสางแล้ว ผู้คนจึงออกมาจากบ้าน กล่าวคำอวยพรซึ่งกันและกันอย่างมีความสุข พร้อมกับการนำอาหารออกมารับประทานร่วมกันอย่างสนุกสนาน ต่อมา วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็นวันเฉลิมฉลองที่มีแต่ความสุขที่เรียกกันว่า ตรุษจีน
การกำหนดวันตรุษจีนนั้นไม่ตรงกันทุกปี แต่จะใช้ปฏิทินจันทรคติของจีนเป็นหลัก ปฏิทินชนิดนี้ยังมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตของชาวจีนทั่วไปเป็นอย่างมากในทุกวันนี้ วันเทศกาลจะตกอยู่ระหว่างวันที่ดวงอาทิตย์อยู่ไกลจากเส้นศูนย์สูตรของโลกมากที่สุดในฤดูหนาวกับวันวิษุวัต เพราะฉะนั้น วันตรุษจีนจึงจะตกอยู่ตั้งแต่ประมาณกลางเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์
การเรียกชื่อปีใหม่จะเรียกตามชื่อสัตว์ในระบบโหราศาสตร์ของจีน ซึ่งประกอบด้วย 12 ราศีตามลำดับ คือ หนู วัว เสือ กระต่าย มังกร งู ม้า แพะ ลิง ไก่ หมา และหมู นิยายปรัมปรากล่าวว่า ที่มีการเรียกชื่อปีเช่นนี้ เพราะในสมัยพุทธกาล เมื่อพระพุทธเจ้าเรียกให้สัตว์ต่างๆ มาเฝ้าพระองค์นั้น มีเพียงสัตว์ 12 ชนิดนี้เท่านั้นที่ปรากฎตัว เพื่อเป็นเกียรติแก่สัตว์ทั้ง 12 ชนิดนี้ พระองค์จึงขอให้มีการเรียกชื่อปีตามชื่อของสัตว์ดังกล่าว