หนึ่ง เศรษฐกิจจีนยังคงเติบโตมากกว่าประเทศอื่น ยังมีบทบาทเสมือนหัวรถจักร
ปัจจุบัน เศรษฐกิจใหญ่ 3 อันดับของโลกล้วนมีมูลค่า GDP เกิน 10 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ สหรัฐอเมริกาที่มีประมาณ 17.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ สหภาพยุโรปที่มีเกือบ 15 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และจีนที่มีประมาณ 10.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ อัตราการเติบโตของ GDP จีนอยู่ที่ระดับ 6.9% หรือเทียบเท่ากับมูลค่าการเติบโต 700,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปีเดียว ขณะที่อัตราการเติบโตของ GDP สหรัฐฯ อยู่ที่ระดับ 2.3% เท่ากับเติบโต 350,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปีเดียว ส่วนอัตราการเติบโตของ GDP สหภาพยุโรปอยู่ที่ระดับ 1% เท่ากับเติบโต 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปีเดียว ดังนั้น หากพิจารณาจากคุณูปการที่มีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ถือว่า จีนทำได้ 2 เท่าตัวของสหรัฐฯ และ 4.5 เท่าตัวของสหภาพยุโรป
สอง จุดอ่อนที่ต้องแก้ไขเพิ่มเติมในการพัฒนาและการปฏิรูป
เศรษฐกิจของประเทศไหนๆ ต่างก็มีจุดด้อยทั้งสิ้น จีนก็เช่นกัน ปัญหาของเศรษฐกิจจีนมีอยู่ 2 ประการคือ ปัญหาด้านการพัฒนาและปัญหาด้านการปฏิรูป ขณะนี้ โครงสร้างอุตสาหกรรมดั้งเดิมของจีนแทบจะมองไม่เห็นหนทางการพัฒนาต่อ เพราะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ อินเตอร์เน็ตพลัส(internet+) พลังงานใหม่ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีชีวภาพ ต้องพัฒนาเติบโตอย่างรวดเร็วเพื่อเข้าแทนที่อุตสาหกรรมดั้งเดิม นำมาซึ่งตำแหน่งงานมาก รายได้สูง และการบริโภคที่เจริญคึกคัก องค์ประกอบเหล่านี้เป็นพลังขับเคลื่อนใหม่สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจจีนในอนาคต
และสาม การปฏิรูปด้านอุปทาน(supply-side reform)ต้องขยายวงกว้าง
รายงานผลการดำเนินงานของรัฐบาลจีนฉบับล่าสุดระบุว่า การปฏิรูปด้านอุปทานเป็นหนึ่งในภาระหน้าที่ที่สำคัญที่สุด เมื่อเทียบกับเนื้อหาของรายงานผลการดำเนินงานฉบับปีที่แล้ว ส่วนที่เพิ่มเติมนั้นเกาะติดกับ "การเพิ่มการปฏิรูปด้านอุปทานเพื่อสร้างขุมพลังที่ขับเคลื่อนเสรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งสะท้อนถึงการตัดสินใจและขั้นต้อนการปฏิรูปของรัฐบาลจีน" TOON/FENG