การตุ๋นน้ำแกงมักจะใช้เวลาหลายชั่วโมง ผู้หญิงชาวกว่างตงโดยเฉพาะเมืองกว่างโจวเกือบทุกคนต่างก็มีฝีมือตุ๋นน้ำแกงเป็นคุณสมบัติที่ดีติดตัว การดื่มน้ำแกงชามหนึ่งก่อนทานอาหารจะเป็นความเคยชินอย่างหนึ่งของชาวกว่างตง ซึ่งไม่เพียงแต่ได้เสริมโภชนาการให้ร่างกายแล้ว ยังสามารถป้องกันและรักษาโรคด้วย ก็เช่นเดียวกับที่กล่าวเมื่อกี้ว่า ชาวกว่างตงได้ค้นหาวิธีการหลายอย่างในการต่อสู้กับสภาพอากาศที่ชื้นร้อน ใส่ยาสมุนไพรที่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ เข้าในน้ำแกง ทำให้น้ำแกงที่ตุ๋นนั้นกลายเป็นของจำเป็นที่ขาดเสียมิได้ในชีวิตความเป็นอยู่ของชาวกว่างตง
ในอาหารกว่างตง ขนมกว่างตงที่กินในตอนเช้าก็เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของอาหารกว่างตง ซึ่งรสชาติหลากหลาย มีทั้งเค็มทั้งหวาน วิธีทำละเอียดถี่ถ้วน มีให้เลือกมากมายและสามารถเลือกทานให้เหมะกับ 4 ฤดูของทั้งปี และเหมาะกับความต้องการของคนที่มีความชื่นชอบต่างกัน
การกินขนมกว่างตงในตอนเช้านี้ยังเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่ง เพื่อนๆหรือญาติพี่น้องนิยมนัดกันทานขนมกว่างตงในตอนเช้าด้วยกัน ซึ่งมักจะใช้เวลาหลายชั่วโมง เพราะจะกินไปคุยกันไป ถือเป็นการพักผ่อนหย่อนใจ และเป็นการคบหาสมาคมแสดงความสนิทสนมอย่างหนึ่งสำหรับชาวกว่างตง การไปนั่งทานกันสองคนไม่ถือว่ามีคนน้อย หลายๆ คนก็ไม่ถือว่ามีคนมาก พูดคุยกันอย่างสบายใจ สามารถระบายความในใจออกมาหมดท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเอง
นอกจากนี้แล้ว การดื่ม "ชาเหลียงฉา" ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ได้จากการต้มยาสมุนไพรจีนก็เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมอาหารกว่างตง ตามท้องถนนกว่างตง มักจะได้เห็นร้านขายชาเหลียงฉาจำนวนมาก ทั้งนี้ก็เพราะว่ากว่างตงมีอากาศร้อน และฝนตกมากมีความชื้นสูง ฉะนั้น ชาวกว่างตงโบราณจะเลือกยาสมุนไพรที่มีคุณสมบัติค่อนข้างเย็นมาต้มเป็นเครื่องดื่มเพื่อรักษาอาการต่างๆ นานา ซึ่งชาเหลียงฉานี้มีทั้งประเภทที่รักษาอาการเป็นหวัด รักษาโรคกระเพาะ และแก้ร้อนในด้วย หากได้ทานอาหารเผ็ดที่จะทำให้เกิดอาการร้อนในแล้ว เลือกดื่มชาเหลียงฉาประเภทที่แก้ร้อนในโดยเฉพาะก็จะทำให้สบายขึ้น
อย่างไรก็ตาม อาหารไม่เพียงสามารถตอบสนองความต้องการของร่ายกายเท่านั้น หากยังเป็นวัฒนธรรมที่มีมาช้านานอย่างหนึ่ง ไม่ว่าอาหารประเภทไหนล้วนวิวัฒนาการตามสภาพที่เหมาะสมกับความเป็นจริง