สำนักข่าวซินหวารายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านเศรษฐกิจจากประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมการประชุมของธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศช่วงฤดูใบไม้ผลิส่วนใหญ่แสดงความกังวลอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัว แต่สำหรับเศรษฐกิจจีน ผู้ร่วมประชุมส่วนใหญ่เห็นว่า เศรษฐกิจจีนกำลังเดินอยู่บนหนทางที่ปรับตัวดีขึ้น แนวทางการปฏิรูปเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนมีความชัดเจน การประสานนโยบายด้านเศรษฐกิจระหว่างจีนกับสถาบันเศรษฐกิจระหว่างประเทศมีความคล่องตัวมากขึ้น กล่าวได้ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังแสดงสัญญาณที่ดีขึ้นท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนแรง

ก่อนอื่น สถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่ดีขึ้นส่งผลกระทบทางบวกต่อเศรษฐกิจโลก เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศปรับลดการคาดการณ์ต่ออัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ รวมทั้งของสหรัฐฯ ยูโรโซน และญี่ปุ่น แต่กลับปรับขึ้นการคาดการณ์ต่ออัตราเติบโตของเศรษฐกิจจีน ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า สถาบันด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศมีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจจีน กองทุนการเงินระหว่างประเทศระบุในรายงานล่าสุดฉบับหนึ่งว่า เห็นด้วยกับมาตรการรักษาอัตราเติบโตของเศรษฐกิจที่จีนใช้ในช่วงที่ผ่านมา และเห็นว่า การปรับเปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนจะส่งผลกระทบทางบวกต่อเศรษฐกิจโลก

ข้อมูลเศรษฐกิจในไตรมาสแรกที่จีนประกาศเมื่อวันที่ 15 เมษายนนี้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า เศรษฐกิจจีนมีความมั่นคง และกำลังปรับตัวดีขึ้น อัตราเติบโต 6.7% ของเศรษฐกิจจีนนับว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเขตเศรษฐกิจอื่นทั่วโลก นายตู้ ต้าเหว่ย นักวิจัยจากสถาบันบรูกิงส์ (Brookings Institution)คลังสมองสหรัฐฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้หลายเดือน นักลงทุนและนักธุรกิจส่วนใหญ่กังวลว่า เศรษฐกิจจีนจะเกิดฮาร์ดแลนดิ้ง แต่ช่วงสองเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ใช้นโยบายเศรษฐกิจมหภาคหลายประการ ทำให้เศรษฐกิจมีความทรงตัว

สำหรับปัญหาหนี้สินของวิสาหกิจจีนที่นักธุรกิจและนักลงทุนต่างประเทศต่างแสดงความกังวลนั้น กองทุนการเงินระหว่างประเทศแสดงความคิดเห็นหลังทำการวิจัยว่า เมื่อพิจารณาถึงผลกำไรของระบบธนาคาร และนโยบายผ่อนคลายปัญหาดังกล่าว ความเสี่ยงหนี้สินของวิสาหกิจจีนยังคงอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ รัฐบาลจีนได้ตระหนักถึงความเสี่ยงจากปัญหาดังกล่าวแล้ว และกำลังใช้มาตรการตอบสนอง รวมทั้งจัดวางระบบการเงินที่ให้ความสำคัญกับตลาดการเงินมากยิ่งขึ้น

จีนยังเสริมการประสานด้านนโยบายการเงินกับสถาบันทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศให้มากขึ้น ช่วยให้ตลาดการเงินมีเสถียรภาพมากขึ้น ครึ่งปีหลังของปีที่แล้ว อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนที่ปั่นป่วนเคยทำให้นักลงทุนเกิดความไม่มั่นใจต่ออนาคตของเศรษฐกิจจีน จนนางคริสติน ลาการ์ด (Christine Lagarde) ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ออกมาเสนอแนะให้จีนเสริมการประสานนโยบายเศรษฐกิจกับสถาบันเศรษฐกิจระหว่างประเทศ โดยในระหว่างการประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศฤดูใบไม้ผลิ นางคริสติน ลาการ์ด แสดงความเห็นว่า ขณะนี้ ผู้กำหนดนโยบายเศรษฐกิจของจีนมีการประสานนโยบายเศรษฐกิจกับสถาบันเศรษฐกิจระหว่างประเทศมากขึ้นแล้ว การประสานในกลไกแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศที่ทันท่วงทีนั้นจะสามารถลดการคาดการณ์ที่ไม่แน่นอนในตลาด ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นักลงทุนจำนวนมากมีความกังวลในเการแข่งกันปรับลดค่าเงินหยวนในตลาด แต่ขณะนี้ ความกังวลดังกล่าวได้ผ่อนคลายลงแล้ว ตลาดการเงินโลกกลับสู่ภาวะที่มีเสถียรภาพ

ขณะที่นายอี้ กัง รองประธานธนาคารกลางจีนกล่าวต่อที่ประชุมเดียวกันนี้ว่า เมื่อพิจารณาจากปัจจัยขั้นพื้นฐาน จีนมีความมั่นใจที่จะทำให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนมีเสถียรภาพ ตลาดการเงินที่ปั่นป่วนมากนั้นจะไม่เป็นผลดีต่อทั้งเศรษฐกิจจีนและโลก คำพูดดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากผู้ร่วมประชุมจำนวนมาก หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล (The Wall Street Journal) ลงบทวิเคราะห์ระบุว่า ธนาคารกลางจีนสนับสนุนการให้ตลาดเป็นผู้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน พร้อมกันไปกับการเน้นการรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน

สุดท้าย แนวทางการปฏิรูปเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนมีความชัดเจน ซึ่งได้รับการสนับสนุนและชื่นชมจากประชาคมโลก นายโหลว จี้เหว่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจีนอธิบายแนวทางการบริหารเศรษฐกิจของจีนต่อที่ประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศว่า จีนจะเน้นดูแลด้านอุปสงค์ให้ดี เพื่อรักษาอัตรเติบโตของเศรษฐกิจให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม ขณะเดียวกัน จะเร่งดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างของด้านอุปทาน ซึ่งนายตู้ ต้าเหว่ย นัก็เห็นด้วยกับแนวทางการปฏิรูปดังกล่าวโดยแสดงความเห็นว่า การที่จีนรักษาอัตราเติบโตของเศรษฐกิจให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมในช่วงระยะเวลาหนึ่งผ่านการใช้นโยบายกระตุ้นอุปสงค์ ทำให้จีนได้เวลาที่หาได้ยากมากที่จะนำมาใช้ในการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส (The Financial Times)ของอังกฤษลงบทวิเคระห์ว่า จีนเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ไม่กี่เขตที่ประชาคมโลกยอมรับว่า กำลังใช้มาตรการรอบด้านเพื่อกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจ

(TOON/cai)