ในระยะเวลานานพอสมควร ศาลตัดสินกรณีพิพาททะเลจีนใต้ที่ก่อตั้งขึ้นตามความประสงค์ของฟิลิปปินส์ได้มีการกระทำใช้อำนาจเกินขอบเขตและพร่ำเพรื่อ ซึ่งเป็นที่จับตาของชาวโลกมาตลอด ศาลตัดสินกรณีพิพาททะเลจีนใต้นี้มองข้ามความเป็นจริงขั้นพื้นฐาน ฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึง "อนุสัญญาว่าด้วยกฎหมายทะเลของสหประชาชาติ" การเอื้อมมือมากำหนดเส้นกั้นพรมแดนและน่านน้ำทะเลที่อยู่นอกเหนือขอบเขตอำนาจของตนนั้น ไม่เพียงแต่ขัดต่อวัตถุประสงค์ที่ต้องคลี่คลายกรณีพิพาทระหว่างประเทศอย่างสันติเท่านั้น หากยังได้นำความเสียหายหนักมาสู่การปกครองด้วยกฎหมายของโลก ทวีความรุนแรงข้อขัดแย้งและย่อมไม่มีส่วนช่วยต่อการรักษาสันติภาพและความมั่นคงภูมิภาคทะเลจีนใต้
บางคนเข้าใจผิดว่า ศาลตัดสินกรณีพิพาทดังกล่าวเป็นองค์กรของสหประชาติเฉกเช่น ศาลสากล แต่โดยความจริงแล้ว ศาลนี้เป็นเพียงองค์กรชั่วคราวที่ตั้งขึ้นตามคำขอของฟิลิปปินส์เพียงลำพังฝ่ายเดียว ในคณะผู้พิพากษา 5 คนของศาล มี 4 คนมาจากยุโรป จึงไม่สามารถเป็นตัวแทนระบบกฎหมายของภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก
เป็นที่ทราบกันทั่วไปแล้วว่า จุดสำคัญที่สุดของกรณีพิพาททะเลจีนใต้จีน-ฟิลิปปินส์อยู่ที่การกำหนดเส้นกั้นของดินแดนและน่านน้ำทะเล กระบวนการพิจารณาตัดสินของศาลตัดสินกรณีพิพาททะเลจีนใต้ มีพฤติกรรมใช้อำนาจพร่ำเพรื่ออย่างชัดเจน โดยไม่สนใจจุดยืนที่จีนยืนยันมาตลอดว่า หมู่เกาะหนานซาเป็นหนึ่งเดียว เจตนาแยกเกาะและแนวหินโสโครกที่มีกองกำลังของจีนประจำอยู่ออกจากหมู่เกาะหนานซา โดยไม่สนใจกรณียึดครองเกาะหรือแนวหินโสโครกของประเทศอื่นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีเจตนาดัดแปลงปัญหาอธิปไตยให้เป็นปัญหากฎหมาย มุ่งหมายปฏิเสธอธิปไตยและผลประโยชน์ทางทะเลของจีนในทะเลจีนใต้ ส่วนในการการยืนยันและคัดสรรหลักฐานนั้น พฤติกรรมของศาลนี้ก็มีความไม่สมเหตุสมผล ขาดความเป็นธรรมและไม่เคารพสภาพความเป็นจริงมากมายหลายข้อ
ไม่ว่าศาลตัดสินกรณีพิพาททะเลจีนใต้จะออกคำพิพากษาอย่างไร จีนจะไม่ยอมรับทั้งสิ้น เพราะจีนเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ผู้พิทักษ์และผู้สร้างสรรค์การบริหารปกครองด้วยกฎหมายของโลก คัดค้านมาโดยตลอดต่อพฤติกรรมที่ทวีความรุนแรงในกรณีพิพาทระหว่างประเทศด้วยการใช้ "กฎหมายสากล" เป็นข้ออ้าง ผลการตัดสินไม่อาจสั่นคลอนความมุ่งมั่นและความสามารถของจีนในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงส่วนภูมิภาคได้
YIM/FENG