เล่ากันว่า ในช่วงรัชสมัยเส้าซีแห่งฮ่องเต้ซ่งกวงจง จู่ๆ พระสนมคนโปรดของพระองค์เกิดประชวรเป็นโรคประหลาด อิดโรยซูบเซียวลงเรื่อยๆ หมอหลวงจะงัดยาขนานใดมาถวายการรักษาก็ล้วนไม่เป็นผล อาการพระนางมีแต่แย่กับแย่ จนต้องติดประกาศสรรหาหมอมือดีเข้าวังมารักษา จนมีหมอเถื่อนคนหนึ่งเสนอตัว หลังตรวจจับชีพจรเสร็จก็ว่า แค่นำน้ำตาลกรวดมาเคี่ยวเคลือบผลซันจาให้พระนางเสวยสัก 5-10 ลูกก่อนอาหาร รับรองไม่ถึงครึ่งเดือนก็จะหายประชวรเป็นปลิดทิ้ง! ง่ายๆ แค่นี้ แต่ปรากฏว่าอาการพระนางกลับดีขึ้นเรื่อยๆ จนหายเป็นปกติในที่สุด ซึ่งซันจามีสรรพคุณทางยาหลายประการ นอกจากทำให้เจริญอาหาร ยังช่วยย่อย และเสริมการไหลเวียนของโลหิตด้วย เป็นต้น หลังจากนั้น วิธีการนำผลซันจามาเคลือบน้ำตาลก็เป็นที่รู้จักแพร่หลายในหมู่ชาวบ้าน โดยมีการนำมาเสียบไม้ขายกลายเป็นที่มาของ "ปิงถางหูลู่" นั่นเอง
แน่นอนว่า รูปลักษณ์ของขนมซันจาที่จีน ไม่จบเพียงแค่นำผลสดมาเคลือบน้ำตาลทำเป็นถางหูลู่แค่นั้น เขามีการนำมาแปรรูปเป็นหลากทรงหลายยี่ห้ออีกด้วย คือ นอกจากเป็นแบบแผ่นกลม อย่างที่คนไทยพอเคยคุ้นรสคุ้นตากัน ยังมีแบบแผ่นเหลี่ยม เป็นท่อน เป็นแท่ง เป็นม้วน เป็นชั้น มีให้เลือกสรรกันตามความพึงพอใจ ซึ่งยี่ห้อที่วางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ทั่วไป ล้วนได้รับอนุญาตผลิตจากทางการจีนเรียบร้อย
เก่าเล่าไปใหม่บอกมา โดย วังฟ้า 羅勇府
อย่าพลาดกับความหวานเย็นอมเปรี้ยวของไอติมรสซันจา!