เช้าวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ที่นิวเจอร์ซี สหรัฐฯ เกิดอุบัติเหตุรถไฟโดยสารขบวนหนึ่งพุ่งชนชานชาลาขณะแล่นเข้าสถานี ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 รายและบาดเจ็บกว่า 100 คน อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้เกิดข้อกังขาเกี่ยวกับระบบสัญญาณการจราจรที่ช้าเกินไป

เวลาประมาณ 8.45 น. ของเช้าวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ที่รัฐนิวเจอร์ซี สหรัฐฯ รถไฟโดยสารขบวนหนึ่งพุ่งชนชานชาลาขณะแล่นเข้าสถานี ทำให้รถไฟขบวนดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างหนัก และทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน บาดเจ็บกว่า 100 คน ขณะนี้ได้ส่งผู้บาดเจ็บทั้งหมดไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้เคียงแล้ว

ขณะนี้กำลังสอบสวนสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งคณะกรรมการความปลอดภัยด้านคมนาคมได้จัดส่งทีมงานตรวจสอบยังสถานที่เกิดเหตุแล้ว หน่วยงานปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของท้องที่นั้นระบุว่า ไม่มีร่องรอยว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย

อุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้เกิดข้อกังขาเกี่ยวกับระบบสัญญาณการจราจรที่ช้าเกินไป ผู้เชี่ยวชาญด้านโครงการรถไฟของสหรัฐฯ เห็นว่า วิธีที่หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอุบัติเหตุลักษณะนี้คือติดตั้งระบบสัญญาณเตือนภัยความเร็วสูงเกินกว่าที่กำหนดให้กับรถไฟ

แหล่งข่าวแจ้งว่า เมื่อปี 2008 ที่ผ่านมา รัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านกฎหมายให้รถไฟสหรัฐฯ ทั้งหมดติดตั้งระบบควบคุมที่แม่นยำก่อนปี 2015 และใช้ระบบจีพีเอสเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดจากน้ำมือมนุษย์ แต่เนื่องจากราคาระบบดังกล่าวแพงมาก และกระบวนการติดตั้งอุปกรณ์ซับซ้อน บริษัทรถไฟบางแห่งของสหรัฐฯ จึงไม่ได้ติดตั้งระบบดังกล่าวตามที่กำหนดไว้ รัฐสภาสหรัฐฯ จึงเลื่อนเวลาให้ติดตั้งระบบดังกล่าวเป็นปี 2018 ซึ่งรถไฟ 440 ขบวนของบริษัทรถไฟนิวเจอร์ซี ซึ่งเป็นรถไฟที่เกิดอุบัติเหตุสังกัดนั้นไม่มีขบวนใดที่ได้ติดตั้งระบบดังกล่าวเลย

สถานีรถไฟที่เกิดเหตุสร้างขึ้นเมื่อปี 1907 ขนส่งผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 15,000 คน เป็นสถานีรถไฟสำคัญที่ชาวนิวเจอร์ซีเดินทางเข้านครนิวยอร์ก เมื่อปี 2011 เคยเกิดอุบัติเหตุรถไฟชนกันที่สถานีดังกล่าว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 30 คน

(In/cici)