หลังการเจรจากว่า 5 ปี เดือนตุลาคมปีที่แล้ว 12 ประเทศได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา เม็กซิโก สิงคโปร์ บรูไน เวียดนามและมาเลเซีย เป็นต้น ได้บรรลุความเห็นพ้องต้องกัน และลงนามเอกสาร ทีพีพีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่เนื่องจาก ทีพีพีมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการลงทุน การบริการ อีคอมเมิร์ซ สิทธิทรัพย์สินทางปัญญาและรัฐวิสาหกิจ รวมถึงเนื้อหาที่ไม่เคยมีในข้อตกลงการค้าฉบับอื่นๆ ทำให้ชาวอเมริกันไม่ค่อยเห็นด้วยกับทีพีพี
แวดวงต่างๆ ของสหรัฐฯ ก็มีความคิดเห็นที่ไม่เป็นเอกฉันท์ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เสนอข้อมูลปรากฏว่า มีสมาคมและนักธุรกิจจากกว่า 60 สาขาสนับสนุน ทีพีพี ส่วนใหญ่จากหน่วยงานพาณิชย์ เกษตร และบริษัทเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต สิ่งทอ เสื้อผ้าและโลจิสติกส์ แต่บริษัทผลิตยา บุหรี่และรถยนต์ไม่พอใจต่อมาตราบางประการ จึงเรียกร้องรัฐบาลสหรัฐฯ จัดการเจรจาใหม่
สหพันธ์แรงงานสหรัฐฯ สหพันธ์สมาคมแรงงานอุตสาหกรรมการผลิต หน่วยงานคุ้มครองสิทธประโยชน์ หน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคและหน่วยงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นผู้คัดค้านสำคัญ และประณามว่า ทีพีพีเน้นคุ้มครองผลประโยชน์ของบริษัทข้ามชาติ แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับแรงงาน สิ่งแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของปวงชน นอกจากนั้น แผนฉบับนี้ของนายบารัค โอบามาจึงถูกคัดค้านจากทั้งนายโดนัล ทรัมป์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีจากพรรคริพับลิกัน และนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคเดโมแครต นักวิเคราะห์เห็นว่า การนี้เป็นผลที่เกิดจากอารมณ์คัดค้านการค้าเสรีของชาวอเมริกัน เพราะระดับชีวิตความเป็นอยู่ไม่มีแนวโน้มสูงขึ้นเป็นเวลานาน ส่วนผู้นำของสองสภาสหรัฐฯ ก็แสดงความไม่พอใจต่อมาตราบางประการของทีพีพี และไม่อยากจัดการลงคะแนนเสียงต่อ ทีพีพี ในปีนี้
(In/Lin)
