เมื่อเร็วๆ นี้ การประชุมระดับรัฐมนตรีเพื่อความร่วมมือใน "ความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP)" รอบใหม่ที่จัดเป็นเวลา 4 วันได้สิ้นสุดลงแล้ว ฝ่ายต่างๆ ที่ร่วมการเจรจาต่างยังไม่มีข้อสรุปในการอนุมัติให้ผลิตผลการเกษตร รถยนต์ ตลอดจนการคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาเข้าสู่ตลาด จึงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้แต่อย่างใด

การเจรจา TPP รอบนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมกับ 12 ประเทศที่เข้าร่วม ได้แก่ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย เวียดนาม แคนาดา เม็กซิโก ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

การเจรจา TPP มีประเด็นหลัก 2 ประการ คือ 1. การเจรจาอนุมัติให้เข้าสู่ตลาด ซึ่งการอนุมัติผลิตผลการเกษตรให้เข้าสู่ตลาดมีความอ่อนไหวและเชื่อมโยงกับการเมือง จึงเป็นไปอย่างยากลำบากที่สุด และ2. การเจรจากติกาการค้าและการลงทุน ซึ่งเกี่ยวข้องกับสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา ภาครัฐวิสาหกิจ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การคุ้มครองแรงงาน และกติกาท้องถิ่น สมาชิก TPP จำนวนไม่น้อยแสดงอย่างชัดเจนแล้วว่า เมื่อได้ประสบผลที่น่าพอใจจากการเจรจาการอนุมัติให้เข้าสู่ตลาดแล้ว ค่อยยอมรับกติกาการค้าและการลงทุนในมาตรฐานที่สูงขึ้น ดังนั้น ปมเงื่อนและจุดที่ยากลำบากจึงยังอยู่ที่การเจรจาอนุมัติ โดยเฉพาะผลิตผลการเกษตรเข้าสู่ตลาด สหรัฐฯ และญี่ปุ่นมีความขัดแย้งกันเรื่องภาษีการค้าผลิตผลการเกษตรและรถยนต์ ส่วนระหว่างประเทศกำลังพัฒนากับประเทศที่พัฒนาแล้ว มีข้อขัดแย้งกันด้านการคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินทางปัญยา การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการคุ้มครองแรงงาน ทำให้การเจรจาล้มเหลว และแสดงให้เห็นว่า ต่างฝ่ายต่างขาดความอดทุนและให้อภัย

ผู้แทนสหรัฐฯ กล่าวว่า ต่อไป ฝ่ายต่างๆ ที่ร่วมการเจรจาจะจัดการเจรจาแบบทวิภาคี และการเจรจาหน่วยเล็ก เพื่อปรึกษาหารือปัญหาต่างๆ แต่ยังไม่ได้กำหนดเวลาการจัดการเจรจารอบต่อไป ตัวแทนญี่ปุ่นเผยกับสื่อญี่ปุ่นว่า ฝ่ายต่างๆ ที่ร่วมการเจรจาควรจัดการเจรจาอีกครั้งก่อนสิ้นเดือนสิงหาคมปีนี้ แต่สื่อมวลชนบางแห่งรายงานว่า การเจรจารอบต่อไปอาจจะจัดขึ้นที่แคนาดาในเดือนตุลาคมปีนี้

Toon/Lr