เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์ประกาศแผนปรับโครงสร้างค้าปลีก ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐบาล ผู้ผลิตและผู้ประกอบธุรกิขค้าปลีก ซึ่งการจำหน่ายด้วยหลากหลายวิธีจะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญสำหรับค้าปลีกของสิงคโปร์

นายเอส อิสวารัน (S.iswaran) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมสิงคโปร์กล่าวว่า การปรับโครงสร้างค้าปลีกจะเน้นสาระสำคัญ 4 ประการ หนึ่ง เพิ่มรายได้ด้วยการสร้างสรรค์ใหม่ สอง เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยเทคโนโลยี สาม อบรมแรงงานให้ทันสมัย สี่ การค้าปลีกไปยังทั่วโลก

นายเอส อิสวารันกล่าวว่า แม้การค้าปลีกของสิงคโปร์เผชิญกับการท้าทายก็ตาม แต่ยังคงมีโอกาส ประชากรที่เป็นชนชั้นกลางของเอเชียกำลังเพิ่มมากขึ้น ผู้บริโภคมีสินทรัพย์และเงินที่จะใช้ในการจับจ่ายมากขึ้น ส่วนความก้าวหน้าของเทคโนโลยีก็ทำให้สามารถแบ่งปันข้อมูลการตลาดสะดวกยิ่งขึ้น แผนปรับโครงสร้างการค้าปลีกกำหนดเป้าหมายว่า จนถึงปี 2020 อัตราเติบโตด้านการผลิตเฉลี่ยต่อปีจะเพิ่มขึ้น 1% รายได้จากการค้าปลีกในลักษณะอีคอมเมิร์ซจะมีสัดส่วนจากยอด 3% ในปัจจุบันเพิ่มเป็น 10%

นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์กล่าวว่า แผนดังกล่าวได้เน้นความสำคัญของการค้าปลีกที่มีต่อเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของสิงคโปร์ โลกปัจจุบันเชื่อมต่อกัน เปี่ยมไปด้วยการแข่งขัน ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกคงไม่มีทางเลือกอย่างอื่น มีแต่พยายามขายรูปแบบการค้าเพื่อให้บริการที่ดียิ่งขึ้น ช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา เราได้เห็นแนวโน้มการเติบโตของอีคอมเมิร์ซในทั่วโลก ผู้ประกอบธุรกิจก็จำเป็นต้องรับมือกับการท้าทายและโอกาสที่มาจากเทคโนโลยีใหม่ ตามแผนดังกล่าว รัฐบาลกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องจะร่วมมือกัน ช่วยผู้ประกอบธุรกิจบรรลุเป้าหมายปรับโครงสร้าง อย่างเช่น ช่วยนักธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กค้นหาเวทีอีคอมเมิร์ซออนไลน์ที่เหมาะสม และฝึกอบรมความสามารถในการใช้เทคโนโลยีใหม่

(In/Lin)