ระหว่างวันที่ 18 – 22 ตุลาคมที่ผ่านมา นายโรดริโก ดูเตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์นำคณะเยือนจีนอย่างเป็นทางการ นอกจากสมาชิกอาเซียนแล้ว จีนเป็นประเทศแรกที่นายโรดริโก ดูเตร์เตเดินทางไปเยือนหลังจากตนเองดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การเยือนจีนครั้งแรกของผู้นำฟิลิปปินส์ที่มีลักษณะเปิดเผยตรงไปตรงมาผู้นี้ จึงเป็นที่จับตามองอย่างกว้างขวางของประชาคมโลก
"แม้พวกเราเดินทางถึงปักกิ่งในช่วงเวลาย่างเข้าหน้าหนาว แต่ตอนนี้ถือเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิของความสัมพันธ์พวกเราสองประเทศ" นายโรดริโก ดูเตร์เตกล่าวเช่นนี้ขณะพบกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม
วันเดียวกัน ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ยังได้พบเจรจากับผู้นำสูงสุดของจีนอีก 3 คนจากทั้งหมด 7 คนตามลำดับ ได้แก่ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน นายจาง เต๋อเจียง ประธานคณะกรรมการประจำสภาผู้แทนประชาชนจีน และนายจาง เกาลี่ รองนายกรัฐมนตรีจีน
พิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือจีน-ฟิลิปปินส์จัดขึ้นโดยมีผู้นำสูงสุดของประเทศเป็นพยาน สองฝ่ายได้ลงนามในเอกสารความร่วมมือทั้งหมด 13 ฉบับ รวมถึงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน ศักยภาพการผลิต เกษตรกรรม ข่าวสาร การตรวจสอบคุณภาพ การท่องเที่ยว การปราบปรามยาเสพติด การเงิน โครงสร้างพื้นฐาน และความร่วมมือด้านตำรวจทะเล ซึ่งโครงการร่วมมือทั้งหมดมูลค่ารวมสูงกว่า 13,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยจีนจะฟื้นฟูการนำเข้าผลไม้จากฟิลิปปินส์ ยกเลิกคำเตือนพลเมืองในการเดินทางไปท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ เป็นต้น การต้อนรับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ด้วยระดับสูงเป็นพิเศษของรัฐบาลจีน และผลสำเร็จการเยือนในครั้งนี้ผ่านสื่อหลักๆ บ่งบอกว่า จีนกับฟิลิปินส์กำลังเร่งปฏิบัติตามความเห็นพ้องกันระหว่างผู้นำสูงสุดสองประเทศ นั่นก็คือ "ปรับปรุงความสัมพันธ์ทวิภาคีให้ดีขึ้นในทุกด้าน"
สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ นายโรดริโก ดูเตร์เตประกาศที่ปักกิ่งว่า จะ "แยกทางกับสหรัฐอเมริกา" โดยหนังสือพิมพ์ไฟแนเชียลไทมส์(Financial Times)ของอังกฤษวิเคราะห์ไว้ว่า ความหมายของประโยคนี้สอดคล้องกับกิจการด้านการต่างประเทศที่สะดุดตามากของนายโรดริโก ดูเตร์เตในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ซึ่งเขาทุบทำลายความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ครั้งแล้วครั้งเล่า ขณะเดียวกัน แสดงท่าทีเป็นมิตรกับปักกิ่งอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านสหรัฐฯ รีบให้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาอธิบายว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงที่ต้องการสื่อออกมาจากประโยคดังกล่าวของนายโรดริโก ดูเตร์เต จึงจะขอให้ฝ่ายฟิลิปปินส์ชี้แจงเรื่องนี้ พร้อมกันนั้น มีเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ เน้นว่า ความสัมพันธ์แบบพันธมิตรสหรัฐฯ-ฟิลิปปินส์มีมาช้านานและหยั่งรากลึก ยากที่จะตัดขาดให้ได้ ขณะนี้ ความร่วมมือด้านความมั่นคงของสองประเทศยังคงดำเนินอยู่
ในที่ประชุมฟอรั่มเศรษฐกิจการค้าจีน-ฟิลิปปินส์ที่จัดขึ้นในมหาศาลาประชาชนภายหลังการพบปะระหว่างประธานาธิบดีฟิลิปปินส์กับผู้นำสูงสุดของจีนเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม นายดูเตร์เตประกาศต่อหน้ารองนายกฯ จาง เกาลี่ของจีนว่า จะ "แยกทางกับสหรัฐอเมริกา" ซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรมายาวนาน โดยเน้นว่า เขาจะแยกทางกับสหรัฐฯ และฟิลิปปินส์จะเดินบนหนทางของตนเอง
นายดูเตร์เตเผยว่า เขาจะไปเยือนรัสเซียด้วย เพื่อบอกประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียว่า ต่อไปจะมีพวกเราสามประเทศ คือจีน ฟิลิปปินส์และรัสเซีย ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กันในโลกนี้ นี่เป็นทางเลือกเดียวเท่านั้น เขาพูดเพิ่มเติมว่า จะตัดความสัมพันธ์ทางการทหารและเศรษฐกิจกับสหรัฐฯ ก่อน อันที่จริง ก่อนประกาศแยกทางกับสหรัฐฯ หนึ่งวัน ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ผู้นี้เคยกล่าวขณะเยี่ยมชาวฟิลิปปินส์โพ้นทะเลในกรุงปักกิ่งว่า เขาจะไม่เดินทางไปสหรัฐฯ อีกแล้ว เพราะที่สหรัฐฯ ชาวฟิลิปปินส์มีแต่ประสบกับการดูถูกเท่านั้น ดังนั้น ถึงเวลาที่กล่าวอำลากับสหรัฐฯ แล้ว
ในฐานะประเทศพันธมิตรสำคัญที่สุดของฟิลิปปินส์ในช่วง 70 ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ จับตามองการเยือนจีนของประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ครั้งนี้อย่างใกล้ชิด และคอยค้นหาโอกาสเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์สหรัฐฯ-ฟิลิปปินส์ โดยสื่อ VOA ชี้ว่า ผลการเยือนจีนของนายโรดริโก ดูเตร์เต สะท้อนให้เห็นว่า ความสัมพันธ์ฟิลิปปินส์-จีนได้พลิกตลบ 180 องศา หลังจากขึ้นดำรงประธานาธิบดี นายโรดริโก ดูเตร์เต มุ่งใช้ความพยายามเสริมสร้างความสัมพันธ์กับจีน ทำให้ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ห่างเหินอย่างต่อเนื่อง ทางด้านหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์(Financial Times) ระบุว่า นายโรดริโก ดูเตร์เตยินดีที่ได้เห็นการพัฒนาความสัมพันธ์ฟิลิปปินส์-จีนเข้าสู่ยุคใหม่ เป็นสัญลักษณ์แสดงว่า ความรุนแรงของกรณีพิพาททางทะเลระหว่างสองประเทศผ่อนคลายลงแล้ว
บริษัท ABC ของสหรัฐรายงานว่า นายจอห์น เคอร์บี(John Kirby) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเจาะจงต่อคำกล่าวประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ที่จะแยกทางกับสหรัฐฯ ว่า ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำกล่าวดังกล่าว จะหาทางให้ทางการฟิลิปปินส์อธิบายให้ชัดเจน เขาเน้นว่า ก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่า นายโรดริโก ดูเตร์เตคิดที่จะแยกทางกับสหรัฐฯ ทางด้านสหรัฐฯ ยังคงรักษาสัญญาที่ลงนามกับฟิลิปปินส์ สหรัฐฯ ได้ผูกความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับทั้งรัฐบาลและประชาชนฟิลิปปินส์ หวังว่า จะรักษาความสัมพันธ์นี้ต่อไป
คำกล่าวและการกระทำของนายโรดริโก ดูเตร์เต เหมือนจะแสดงให้เห็นว่านโยบาย "การสร้างความสมดุลใหม่ในเอเชีย-แปซิฟิก" ของสหรัฐฯ ใช้ไม่ได้ผล อิทธิพลของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ลดน้อยลง โฆษกผู้นี้เน้นว่า สหรัฐฯ ไม่เคยเชื่อว่า ความสัมพันธ์ใดๆ ของภูมิภาคหรือโลกจะเป็น "Zero Game" สหรัฐฯ ยินดีที่จะเห็นฟิลิปปินส์พัฒนาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับจีน เขาอธิบายว่า "ความสมดุลใหม่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก" ไม่ได้เจาะจงต่อประเทศใดๆ ทั้งสิ้น วัตถุประสงค์คือรักษาความสัมพันธ์ภายในภูมิภาคให้ดียิ่งขึ้น
นายจอห์น เคอร์บี้(John Kirby)ย้ำว่า ความสัมพันธ์ทางการทหารระหว่างสหรัฐฯ กับฟิลิปปินส์ยังคงแน่นแฟ้นอยู่ สหรัฐฯ จะปฏิบัติคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ ตั้งแต่นายโรดริโก ดูเตร์เตปฏิญาณตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เมื่อปลายเดือนมิถุนายนเป็นต้นมา เขาก็สร้างโจทย์แก้ลำบากให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่ประกาศยกเลิกจัดการซ้อมรบร่วมระหว่างฟิลิปปินส์กับสหรัฐฯ ก่อนเดินทางไปเยือนจีน และขู่ว่าอาจจะตัดความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ เด็ดขาด