สำนักข่าวซินหัว รายงานว่าวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วาระพิเศษที่ต้องเป็นการประชุมร่วมครม.และคสช. เนื่องจากเราร่วมกันทำภารกิจอันสำคัญเป็นประวัติศาสตร์ของประเทศไทย คือกระบวนการอัญเชิญรัชทายาทเป็นผู้สืบราชสันตติวงศ์ โดยขั้นตอนได้กำหนดไว้ตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ ซึ่งกำหนดมา 25 ปีแล้ว และครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในการดำเนินการดังกล่าวกรณีที่พระราชบัลลังก์ว่างลง จึงต้องมีการสถาปนาพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ที่มีการแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้แล้ว ครม.ได้รับทราบและเป็นการเริ่มต้นกระบวนการ โดยทำหนังสือแจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)เป็นไปตามราชประเพณี กฎมณเฑียรบาลและรัฐธรรมนูญทุกประการ เมื่อสนช.รับทราบแล้วจะได้อัญเชิญพระรัชทายาทขึ้นเป็พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 ต่อไป เป็นไปตามความในรัฐธรรมนูญ พุทธศักราช 2550
หลังจากนั้น มีการจัดประชุม สนช.วาระพิเศษ โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แจ้งต่อที่ระชุมว่า ตามที่ได้มีประกาศของสำนักพระราชวังเรื่อง พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต นายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ นร 0503/44549 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2559 เรื่อง แจ้งเรื่องการสถาปนาแต่งตั้งรัชทายน ตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.2467 แจ้งว่า บัดนี้ ราชบัลลังก์ว่างลง และพระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเป็นพระรัชทายาทตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.2467 แล้ว คณะรัฐมนตรีจึงขอแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบ และประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อทราบ และให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์รัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไป
นายพรเพชรกล่าวว่า ตามที่ที่ประชุม สนช.ซึ่งทำหน้าที่รัฐสภาได้รับทราบการแจ้งมติคณะรัฐมนตรีแล้ว ในขั้นตอนต่อไปตนจะได้นำความกราบบังคมทูลอัญเชิญสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์เป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของประชาชนชาวไทยต่อไป ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2557 ประกอบมาตรา 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา23และในโอกาสอันเป็นมหามงคล ขอให้สมาชิกทุกท่านโปรดยืนขึ้น เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลใหม่ จากนั้นประธาน สนช.ได้ให้สมาชิก สนช.กล่าวคำถวายพระพรพร้อมกัน 1 ครั้งว่า "ขอพระองค์ทรงพระเจริญ"
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 มีพระนามเดิมว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระราชโอรสพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระราชสมภพเมื่อวันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พุทธศักราช 2495 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระองค์แรกของไทย
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 ธ.ค.2515 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯให้ตั้งการพระราชพิธีสถาปนาเฉลิมพระนามาภิไธย สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ฯ เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงสนพระราชหฤทัยในวิทยาการด้านการทหารมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ นอกจากทรงรับการศึกษาทางด้านการทหารจากประเทศออสเตรเลียแล้ว ยังทรงพระวิริยะอุตสาหะในการเพิ่มพูนความรู้และพระประสบการณ์อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในด้านวิทยาการการบิน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ก็ได้ทรงพระวิริยะอุตสาหะประกอบพระราชกรณียกิจสำคัญๆ ในการเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่างๆ เสมอมา ได้เสด็จพระราชดำเนินเยือนมิตรประเทศทั่วทุกทวีปอย่างเป็นทางการเป็นประจำทุกปี
เมื่อพ.ศ. 2525 พ.ศ. 2530 พ.ศ.2531 และพ.ศ.2535 เสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ทรงพบผู้นำจีน ณ กรุงปักกิ่ง และเสร็จเยือนอีกหลายเมืองของจีน เช่น นครเซี่ยงไฮ้ เมืองนานจิง (IN/cai)