เมื่อเร็วๆนี้ คณะผู้สื่อข่าวอาเซียน 10 ชาติ ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า อินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และผู้สื่อข่าวจีนร่วมเดินทางไปเยือนมณฑลอานฮุย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร
ในส่วนประเทศไทยมี นางสาวนิดาวรรณ อัศวทวีโชค จากทีเอ็นเอ็น24 เป็นผู้มาร่วมภารกิจครั้งนี้ ทั้งนี้ ผู้จัดกิจกรรมดังกล่าวคือ สถานีวิทยุกระจายเสียงระหว่างประเทศแห่งประเทศจีน หรือ ไชน่า เรดิโอ อินเตอร์เนชั่น แนล ร่วมกับหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องของมณฑลอานฮุย และภาคเอกชนของจีน ที่ให้การสนับสนุนกิจกรรมครั้งนี้ ช่วงที่คณะผู้สื่อข่าวเยือนมณฑลอันฮุย มีโอกาสไปดูงานตามเมืองต่างๆ เช่น เมืองเหอเฝย เมืองฝู่หยาง เมืองป๋อโจว และเมืองฉูโจว เพื่อเห็นถึงนวัตกรรมความก้าวหน้า และความยิ่งใหญ่ทางด้านเศรษฐกิจของมณฑลแห่งนี้
ปีหลังๆ นี้โครงสร้างเศรษฐกิจของมณฑลอันฮุยได้รับการปรับปรุงดีขึ้นอย่างมากจากที่เคยเป็นมณฑลแห่งการเกษตร ค่อยๆ พัฒนาเป็นมณฑลที่มีสัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สินค้าอุตสาหกรรมของมณฑลนี้มีความหลากหลายมาก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอุปกรณ์ ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า และยารักษาโรค จึงมีความสำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจจีน
โอกาสนี้ ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอได้สัมภาษณ์นางสาวนิดาวรรณ อัศวทวีโชค จากทีเอ็นเอ็น24 เกี่ยวกับการ่วมกิจกรรมครั้งนี้ ขอเชิญฟังบทสัมภาษณ์ดังนี้
ผู้สื่อข่าวซีาร์ไอ:
สวัสดีครับ คุณนิดาวรรณ ก่อนหน้านี้เคยเดินทางมาที่มณฑลอันฮุยหรือเปล่าครับ
นางสาวนิดาวรรณ อัศวทวีโชค:
เป็นครั้งแรกที่เดินทางมามณฑลอันฮุยคะ รู้สึกเป็นโอกาสที่ดีมาก ก่อนหน้านี้ เคยได้ยินชื่อมณฑลนี้ และเชื่อว่า คนไทยหลายๆ คนคงเคยได้ยินชื่อมณฑลนี้เช่นกัน แต่อาจจะไม่รู้จักอันฮุยมากนักว่า มีอะไรที่น่าสนใจ หรือเป็นมณฑลที่เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมไหม ดิฉันเคยเรียนภาษาจีนมา ก็จะต้องเรียนเกี่ยวกับวัฒนธรรมจีน ได้ยินชื่อมณฑลต่างๆ อยู่แล้ว ก็เลยทำให้ดิฉันเคยได้ยินชื่อมณฑลนี้มาแล้วคะ
ผู้สื่อข่าวซีาร์ไอ:
หลังเดินทางถึงมณฑลอันฮุย หน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องของมณฑลอันฮุยพาเราไปดูงานที่ไหนบ้าง มีอะไรที่น่าสนใจ ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยครับ
นางสาวนิดาวรรณ อัศวทวีโชค:
หลังเดินทางมาถึงมณฑลอันฮุย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของมณฑลนี้ต้อนรับเราได้ดีมาก โรงแรม อาหารการกินที่เขาจัดไว้ให้ดีทั้งหมด ดูแลทุกอย่างเป็นอย่างดีคะ แล้วก็มีพาไปสถานที่ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสถานที่ที่สื่อให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างก้าวหน้าของเขาในด้านต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัท โรงงานด้านต่างๆ เช่น บริษัทที่ทำเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่ลูกค้าสามารถสร้างหนังสือได้ด้วยตัวเอง คือคนที่เป็นนักเขียนจะสามารถผลิตผลงานของตนออกมาเป็นรูปเล่มด้วยตัวเองได้ สามารถออกแบบเอง สร้างสรรค์ขึ้นมาเองได้ แล้วก็ยังมีพวกโรงงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิตยารักษาโรคที่ทันสมัย หรือโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ทำให้เราเห็นถึงเมืองจีนให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเรื่องสุขภาพอนามัยของประชาชน โรงงานผลิตยารักษาโรคของเขามีการพัฒนาตัวยาชนิดต่างๆ ขึ้นมา เพื่อดูแลสุขภาพของประชาชน รักษาโรคชนิดต่างๆ เพื่อลดการพึ่งการนำเข้ายารักษาโรคจากประเทศอื่นๆ อีกอย่างหนึ่งที่น่าในใจคือ มณฑลนี้ยังมีธนาคารยีน (Gene) เราเคยได้ยินข่าวว่า ยุโรปมีธนาคารยีน ปัจจุบันจีนก็มีเหมือนกัน ถือว่าเป็นอีกอย่างหนึ่งที่เป็นความยิ่งใหญ่ของจีนที่ไม่ได้แพ้ชาติใดในโลก นอกจากนี้ เขายังพาไปดูอีกหลายอย่าง รวมทั้งเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ ทำให้เราสามารถเข้าใจวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์จีนได้ดียิ่งขึ้น เช่น เขาพาไปดูรูปปั้นกิเลนที่อำเภอเฟิ่งหยาง เขาอธิบายว่า ชาวบ้านจะมาลูบตรงขากิเลน เพื่อขอพรให้มีลูก ขาซ้ายและขาขวาของกิเลนเป็นตัวแทนของลูกที่ต่างเพศกัน คือขาขวาจะเป็นตัวแทนเพศหญิง ส่วนขาซ้ายจะเป็นตัวแทนเพศชาย เราได้สังเกตเห็นว่า ขาซ้ายของกิเลนทั้งขาหน้าและขาหลังโดนลูบจนแหว่งเข้าไปเยาะมาก ส่วนขาขวาของกิเลนที่เป็นตัวแทนการขอลูกสาวมันแทบจะไม่แหว่ง แค่สึกๆ ไปนิดหนึ่ง ก็อาจจะมีคนมาขอบ้าง แต่มันต่างกันมาก ตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมอะไรหลายๆ อย่างของคนจีน ถ้าไม่มีคนท้องถิ่นมาเล่าให้ฟัง เราก็อาจจะมองผ่านไป แทบไม่มีทางจะรู้รายละเอียดทางด้านวัฒนธรรม หรือความเชื่อของคนจีนคะ