นักวิเคราะห์เห็นว่า การที่รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ยอมสำนึกผิดและขอโทษต่อปัญหาประวัติศาสตร์เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
วันที่ 28 ธันวาคมปี 2015 รัฐบาลเกาหลีใต้กับรัฐบาลญี่ปุ่นลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับปัญหาหญิงบำเรอ โดยระบุว่าจะเป็นข้อตกลงสุดท้ายและมิอาจเปลี่ยนแปลงได้ หลังจากนั้นญี่ปุ่นได้สนับสนุนเงินจำนวน 1,000 ล้านเยนให้กับกองทุนเพื่อสร้างความปรองดองระหว่างสองฝ่าย
วันที่ 28 ธันวาคมปี 2016 เป็นวันครบรอบ 1 ปี เกาหลีใต้-ญี่ปุ่นลงนามข้อตกลงดังกล่าว มีชาวเกาหลีใต้ติดตั้งรูปปั้นหญิงบำเรอที่หน้าสถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่นปประจำเมืองปูซาน นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ชาวเกาหลีใต้ย้ายรูปปั้นหญิงบำเรอไปติดตั้งที่หน้าสถานทูตและสถานกงสุลญี่ปุ่นประจำเกาหลีใต้ โดยครั้งแรกย้ายไปติดตั้งที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำกรุงโซล
วันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเรียกร้องให้เกาหลีใต้ย้ายรูปปั้นออกไปจากหน้าสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ญี่ปุ่น พร้อมระบุว่า ต่อเมื่อรัฐบาลเกาหลีใต้จะเปลี่ยนผู้นำก็ควรปฏิบัติหน้าที่ของตน เพราะเกี่ยวข้องกับความน่าเชื่อถือของประเทศ
รัฐบาลเกาหลีใต้สัญญาในข้อตกลงเกี่ยวกับปัญหาหญิงบำเรอระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นว่า จะพยายามจัดการปัญหารูปปั้นหญิงบำเรอที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำเกาหลีใต้ให้เรียบร้อย แต่เมื่อรูปปั้นเก่ายังไม่ทันย้ายออกไป รูปปั้นใหม่ก็ตั้งขึ้นมาอีก จึงทำให้นายชินโซ อาเบะออกอาการไม่พอใจอย่างหนัก รัฐบาลญี่ปุ่นหลังสงครามทุกสมัยไม่เคยมีความจริงใจต่อปัญหาประวัติศาสตร์ และไม่เคยสำนึกผิดอย่างจริงจัง มีแต่ต่อรองราคา
ส่วนรัฐบาลเกาหลีใต้ก็หวังเพียงจะสร้างผลงานด้านการทูต จึงรีบลงนามข้อตกลงดังกล่าวกับรัฐบาลญี่ปุ่น จนก่อให้เกิดความไม่พอใจภายในประเทศ และเรียกร้องให้ยกเลิกข้อตกลงฉบับนี้
การที่รัฐบาลญี่ปุ่นเรียกเอกอัครราชทูตประจำเกาหลีใต้กลับประเทศแสดงให้เห็นอีกครั้งหนึ่งว่า ญี่ปุ่นไม่มีความจริงใจต่อปัญหาหญิงบำเรอแม้แต่น้อย นอกจากนี้ การที่ญี่ปุ่นกับกับเกาหลีใต้ลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับปัญหาหญิงบำเรอในปี 2015 นั้น ก็เพราพะมีสหรัฐอเมริกาคอยไกล่เกลี่ยและกดดันอยู่ตลอด หากความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นเลวร้ายลงจนส่งผลต่ิอผลประโยชน์ของสหรัฐอเมริกา สหรัฐฯ จะออกมาก้าวก่ายอีกครั้งหรือไม่