ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ระบุว่า ความดันโลหิตสูงเป็นหนึ่งในโรคเรื้อรังที่มีความร้ายแรง เพราะว่าการมีภาวะความดันโลหิตสูงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานจะสร้างความเสียหายแก่หลอดเลือดหลายอย่าง เช่น หลอดเลือดแข็ง อีกทั้งนำไปสู่โรคแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายอีกหลายโรคด้วยกัน ความดันโลหิตสูงมีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองและโรคไต การควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในภาวะปกติจึงมีความสำคัญในการป้องกันโรคแทรกซ้อนที่จะเกิดกับอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจวาย หลอดเลือดหัวใจตีบ โรคไต อัมพาตและอัมพฤกษ์ โรคความดันโลหิตสูงมักจะไม่ปรากฏอาการใดๆ ให้ผู้ป่วยได้ทราบ ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคความดันโลหิตสูง จนกระทั่งมาพบแพทย์ด้วยความเจ็บปวดอื่น ๆ เมื่อวัดความดันโลหิตจึงพบว่าสูง ผู้ป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูงส่วนใหญ่ไม่อาจรักษาให้หายขาดได้ ต้องอาศัยการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด ก็คือผู้ป่วยเองต้องร่วมมืออย่างเต็มที่ ร่วมกับการปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิต

ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งซึ่งเกิดกับผู้ป่วยส่วนน้อยได้แก่ โรคความดันโลหิตสูงจากสาเหตุอื่นๆ อย่างเช่นโรคไต และการรับประทานยาบางชนิด ซึ่งหากได้รับการแก้ไขที่สาเหตุ ความดันโลหิตสูงก็จะกลับมาเป็นปกติโดยไม่ต้องมีการใช้ยา ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์แนะนำว่า การปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินชีวิต และการออกกำลังกายเป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุด แล้วก็ได้ผลที่แน่นอนที่สุด อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ออกไปได้หลายโรคทีเดียว ที่ลืมไม่ได้คือ ผู้ป่วยต้องหมั่นตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามผลการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยยา หรือการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นอยู่

ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ยังแนะนำว่า การปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตและออกกำลังกายเป็นวิธีการที่ปลอดภัยที่สุด และได้ผลแน่นอนที่สุด อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคอื่นๆ ลงไปได้อีกหลายโรค และที่ลืมไม่ได้คือ ผู้ป่วยจำเป็นต้องหมั่นตรวจวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามผลการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการรักษาด้วยยาหรือการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต

โรคเบาหวานถือเป็นอีกโรคหนึ่งที่น่ากลัว มักพบร่วมกับโรคความดันโลหิตสูง คนที่มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคเบาหวานมีปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทุกอย่างดังนี้ เช่น อายุเกิน 40 ปี มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน เป็นผู้ที่มีน้ำหนักเกิน มีความดันโลหิตสูง มีระดับไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮออล์ หรือว่าไม่ค่อยออกกำลังกาย ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์บอกว่า ถ้าหากโรคยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ก็สามารถอาศัยการควบคุมอาหาร ลดน้ำหนัก และออกกำลังกายได้ แต่ถ้าเกิดเป็นมากขึ้น ก็ต้องให้รับประทานยาควบคู่ไปด้วย ส่วนรายที่ใช้ยาเม็ดแล้วไม่ได้ผลก็ต้องพึ่งการฉีดยาอินซูลิน ซึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้การฉีดอินซูลินด้วยตนเอง เพราะว่าการฉีดเองที่บ้านต้องทำเป็นประจำทุกวัน

เป้าหมายในการรักษาโรคเบาหวานคือ ควบคุมน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และน้ำหนักตัวให้อยู่ระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ก็เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี และอายุที่ยืนยาวขึ้นของผู้ป่วยนั่นเอง ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ย้ำว่า หากผู้ป่วยปรารถนาจะมีคุณภาพชีวิตที่ดี ผู้ป่วยและผู้ดูแลควรมีความเข้าใจว่า เป้าหมายการรักษาคืออะไร และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างถูกต้อง และสม่ำเสมอ ถ้าทำได้ก็จะสามารถอยู่กับโรคเบาหวานได้อย่างสบายใจและสบายกายมากขึ้น