เช้าวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 0.50%-0.75% เป็น 0.75%-1.00% ต่อการนี้ ผู้เชี่ยวชาญการเงินจีนเห็นว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นดอกเบี้ยมีผลกระทบที่จำกัดต่อเศรษฐกิจจีนในระยะสั้น แต่ต้องระวังผลกระทบต่อตลาดในระยะกลางและระยะยาวอัตราดอกเบี้ยและตลาดหนี้สินของจีน จีนควรรักษาความคงที่ด้านนโยบาย พยายามหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ขณะเดียวกัน เพิ่มยุทธศาสตร์การติดต่อกับวงการการคลังสหรัฐฯ

การที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้เป็นการปรับขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ได้ปรับขึ้น 0.25% เมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา และเป็นครั้งที่สาม ที่ทางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่ปลายปี 2015

นายโจว เสี่ยวชวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนกล่าวก่อนหน้านี้ว่า การขึ้นลงของค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบถึงอัตราดอกเบี้ยของเงินหยวนในระยะสั้น แต่ในระยะกลางและระยะยาวแล้ว การพิจารณาอัตราดอกเบี้ยของเงินหยวนนั้นประการแรกต้องดูว่า เศรษฐกิจเป็นปกติหรือไม่ และอีกประการหนึ่งคือ การเงินมั่นคงหรือไม่

ผู้เชี่ยวชาญด้านการคลังเห็นว่า การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้เป็นไปตามการคาดการณ์ของตลาด ถ้าดูในระยะสั้นแล้ว มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนจำกัดมาก เพราะตลาดได้คาดการณ์ต่อการปรับขึ้นครั้งนี้แล้ว นายฮั่ว เจี้ยนกั๋ว นักวิจัยสถาบันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์จีนเห็นว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะทำให้ตลาดอัตราดอกเบี้ยและตลาดสินเชื่อจีนได้รับแรงกดดัน โดยกล่าวว่า หากสหรัฐฯ ยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่ก็จะส่งผลกระทบถึงอัตราดอกเบี้ยของเงินหยวน ซึ่งเราไม่ควรมองข้ามผลกระทบนี้ อีกอย่างคือเราต้องระหวังหนี้สินของวิสาหกิจด้วย

การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับขึ้นดอกเบี้ยในครั้งนี้ ธนาคารกลางจีนก็มีปฏิกิริยาทันที โดยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนระยะ 7 วัน 14 วัน และ 28 วัน จากเดิมที่ 2.45% 2.60% และ 2.75% ขึ้น 0.1% นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้กำหนดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อระยะกลางกับสถาบันการเงิน 17 แห่งมูลค่า 303,000 ล้านหยวน ซึ่งระยะ 6 เดือน และ 12 เดือน ต่างอยู่ที่ 3.05% และ 3.2% ซึ่งก็ได้ปรับขึ้น 0.1% เช่นกัน แม้ว่าธนาคารกลางจันกล่าวว่า มาตรการดังกล่าวไม่ได้เป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่นายอู๋ เจี้ยน เซิง รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจระหว่างประเทศสภาวิจัยเศรษฐกิจมหาภาคจีนเห็นว่า มาตรการดังกล่าวจะลดผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่มีต่อตลาดอัตราดอกเบี้ยจีน

(In/cici)