เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา สถาบันวิจัยกลุ่มบริษัทอาลีบาบาประกาศ "รายงานข้อมูลขนาดใหญ่เกี่ยวกับเส้นทางสายไหมทางเตอร์เน็ต " ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่จีนใช้รูปแบบข้อมูลขนาดใหญ่ "Big Data" ในการบรรยายสภาพรวมของเส้นทางสายไหมทางอินเตอร์เน็ต หลังจากทางการจีนมีข้อริเริ่มสร้าง " 1 แถบ 1 เส้นทาง" เป็นต้นมา
ปีหลังๆ นี้ นักธุรกิจรุ่นใหม่จากบริษัทอินเตอร์เน็ตจีนมุ่งตะลุยทำธุรกิจกับทั่วโลก ใช้ความพยายามเพื่อมีส่วนร่วมในการสร้าง "e Road" ตามยุทธศาสตร์ "1 แถบ 1 เส้นทาง" บริษัทเหล่านี้มิเพียงแต่นำเงินทุน สินค้าและโครงสร้างพื้นฐานไปให้กับประเทศรายทางเท่านั้น หากยังได้นำเทคโนโลยีไปฝึกอบรมบุคลากรท้องถิ่น ซึ่งอาลีบาบาก็เป็นตัวอย่างที่ดี
นายกาว หงปิง รองผู้จัดการใหญ่กลุ่มบริษัทอาลีบาบากล่าว่า กลุ่มอาลีบาบาได้ดำเนินโครงการหลายโครงการเพื่อการสร้าง "1 แถบ 1 เส้นทาง" โดยระบบออนไลน์หลายระบบของอาลีบาบาได้เข้าร่วม อาทิ ระบบ"อาลีส่งด่วน" (AliExpress) ได้ครอบคลุมประเทศรายทาง "1 แถบ 1 เส้นทาง" ทั้งหมด ผู้ใช้บริการของประเทศเหล่านี้มีสัดส่วนเกินกว่า 45%
ด้านโครงสร้างพื้นฐานและการส่งออกเทคโนโลยี ระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะจีน "ไช่เหนี่ยว" (CSN) แปลตามภาษาจีนคือ "นกตัวน้อย" หรือ"มือใหม่" เป็นชื่อเล็กๆ แต่มีเป้าหมายใหญ่ คือ ใช้เวลา 5- 8 ปี ทำให้กลายเป็นระบบโลจิสติกส์ที่สามารถส่งด่วนถึงลูกค้าทั่วประเทศภายในเวลา 24 ชั่วโมง
ปัจจุบัน "ไช่เหนี่ยว" ได้ตั้งคลังสินค้า 17 แห่ง ในประเทศรายทาง "1 แถบ 1 เส้นทาง" เพื่อเร่งการหมุนเวียนของระบบโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ
ด้านการเงิน กลุ่มบริษัทบริการการเงินแอ็นต์ (ANT FINANCIAL SERVICES GROUP) ก็เป็นบริษัทที่ตั้งชื่อตามสัตว์ตัวเล็กนิดเดียวแต่มีเป้าหมายใหญ่ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2004 มีวัตถุประสงค์ที่จะเสนอบริการการเงินที่สะดวกค่าใช้จ่ายไม่สูงแก่ผู้ประกอบธุรกิจขนาดย่อมและผู้บริโภคที่เป้นบุคคลธรรมดา ปีหลังๆนี้ได้ส่งออกเทคโนโลยีเพื่อช่วยประเทศรายทาง "1 แถบ 1 เส้นทาง" พัฒนาระบบการจ่ายเงินออนไลน์ฝ่ายที่สาม หรืออาลีเพย์ (Alipay) ฉบับท้องถิ่นในอินเดีย ไทย ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย
บริษัทคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) ของอาลีบาบาได้ตั้งศูนย์ขhอมูลใหญ่ในสิงคโปร์และนครดูใบ ใช้เทคโนโลยีที่จีนวิจัยและผลิตขึ้นมาเอง เสนอการบริการข้อมูลขนาดใหญ่ (Cloud Computing) ให้แก่ประเทศรายทาง "1 แถบ 1 เส้นทาง"
ขณะเดียวกัน อาลีบาบายังใช้ความพยายามในการสร้างระบบการค้าออนไลน์โลกหรือ eWTP และเริ่มทดลองแล้ว เมื่อวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา กลุ่มอาลีบาบากับมาเลเซียประกาศสร้าง "เขตการค้าเสรีดิจิตอล" ซึ่งนับเป็นศูนย์ดิจิตอลของ eWTP แห่งแรกในต่างประเทศ โดยจจะช่วยให้เยาวชนและนักธุรกิจขนาดย่อมของมาเลเซียและประเทศรายทางเส้นทางสายไหมทางทะเลมีโอกาสเข้าร่วมการค้าทั่วโลก
การสร้างศูนย์ดิจิตอลของ eWTP ทั่วโลก จะทำให้เศรษฐกิจจีนเชื่อมกับเศรษฐกิจโลกอย่างมีประสิทธิผล และอาลีบาบากำลังช่วยประเทศรายทาง"1 แถบ 1 เส้นทาง" ขึ้น "รถด่วนจีน" ในยุคอินเตอร์เน็ต นายหม่า หยุน ประธานกรรมการกลุ่มบริษัทอาลีบาบากล่าวว่า "1 แถบ 1 เส้นทาง" เป็นความรับผิดชอบของจีนที่มีต่อทั่วโลกปัจจุบัน ส่วน eWTP เป็นการทดลองความร่วมมือภาคเอกชนตามยุทธศาสตร์ "1 แถบ 1 เส้นทาง" จึงรู้สึกภาคภูมิใจและยินดีมีส่วนร่วม
(In/Lin)