มณฑลส่านซีตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของจีน มีความสำคัญตั้งแต่โบราณถึงปัจจุบัน เป็นอีกหนึ่งแหล่งกำเนิดอารยธรรมของจีน มีจักรพรรดิหลายพระองค์เคยตั้งเมืองหลวงในมณฑส่านซี ปัจจุบัน ในฐานะเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมสมัยโบราณของจีน มณฑลส่านซีก็พยายามพัฒนาเศรษฐกิจ เทคโนโลยีและการท่องเที่ยว แม้ว่าไม่ใช่เมืองตามฝั่งทะเล แต่ก็พยายามเปิดกว้าง ใช้ความได้เปรียบจากทรัพยากรทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สั่งสมมาแต่โบราณ ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศให้เจริญมากยิ่งขึ้น ผสมความเก่าแก่และความทันสมัยเข้าด้วยกัน
เมื่อกล่าวถึงการท่องเที่ยวที่มณฑลส่านซี ไม่ว่าชาวจีนหรือชาวต่างประเทศจะนึกถึงสุสานจิ๋นซี ซึ่งเป็นโบราณสถานที่สืบทอดมา 2,000 กว่าปี เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าอัศจรรย์และมีชื่อเสียงทั่วโลก แน่นอนว่า ถ้าไปถึงมณฑลส่านซี ต้องไปเที่ยวชมสุสานจิ๋นซีสักครั้ง แต่ที่มณฑลส่านซี ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่ง มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีทิวทัศน์ที่สวยงามอีกมากมายที่น่าไปดู
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวจีนและต่างชาติของซีอาร์ไอได้รับเชิญจากฝ่ายประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวมณฑลส่านซี เดินทางไปเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งต่างๆ ของเมืองซีอัน เมืองเป่าจี และเมืองเสียนหยางเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งทุกคนประทับใจและหลงใหลในความทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสังคมที่ผสมผสานความเก่าใหม่เข้าด้วยกันอย่างดี
พิพิธภัณฑ์เปยหลิน (碑林博物馆) เมืองซีอัน
พิพิธภัณฑ์เปยหลินสร้างขึ้นเมื่อปี 1087 ในสมัยราชวงศ์ซ่ง เพื่อเก็บรักษาศิลาจารึกและคัมภีร์ต่างๆ ของสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งได้รับการดูแลรักษาอย่างดีจนถึงปัจจุบัน นับเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดและมีความพิเศษมากของเมืองซีอัน และเป็นคลังศิลปะที่มีศิลาจารึกที่เก่าแก่ที่สุดและจำนวนมากที่สุดของจีน รวบรวมไว้ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นเรื่อยมาถึงราชวงศ์ชิง มีจำนวนกว่า 1,000 แผ่น เพราะมีศิลาจารึกมากเหมือนป่า จึงเรียกว่า "เปยหลิน" หรือป่าศิลาจารึก