ผู้สื่อข่าว CRI: อยากให้ท่านเล่าถึง อดีต ปัจจุบัน รวมถึงความคิดเห็นในอนาคตที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายธุรกิจที่คนไทยกับคนจีนทำ

คุณวิกรม: ผมเนี่ยด้วยความที่ผมไปโตอยู่ในไต้หวันแล้วก็ได้ฟังภาษาจีนและก็ภาษาจีนออก ฉะนั้นก็เข้าใจนะว่าจีนเนี่ยเค้ามีโอกาส ที่ประเทศจีนมีคือโดยเงื่อนไขที่ประเทศจีนเค้าใหญ่ 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร คนก็เรียกว่าเกือบพันสี่ร้อยล้านและถ้ามาเปรียบกับไทยถือว่าเค้ามีทั้งขนาดประเทศและก็ประชากรใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 20 เท่า

เออ ซึ่งตรงนี้เราก็มองว่าถ้าเกิดว่าเรามาคิดถึงประเทศจีนซึ่งตอนนี้เศรษฐกิจถือว่าเข้มแข็งที่สุดในโลก เพราะว่าประชากรเยอะแล้วก็อยู่ในทำเลที่เค้าติดกับแผ่นดินอื่นๆหมดเลยขึ้นตอนเหนือก็ติดกับรัสเซีย ซึ่งรัสเซียนี่ก็ร่ำรวยมากทั้งด้านเกี่ยวกับน้ำมัน ทางด้านตะวันตกก็ติดกับเอเชียกลางและก็สามารถไปยุโรปได้ ซึ่งตรงนี้ถือว่าจีนนั้นได้เปรียบ รถไฟของจีนไปสู่ลอนดอนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา อันนี้มันเป็นความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์

ทางใต้จีนติดต่อกับอาเซียน แล้วก็ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนติดต่อไปสู่อินเดีย ซึ่งทั้งหลายทั้งปวง ผมเชื่อว่าเป็นเงื่อนไขที่ทำให้จีนสามารถที่จะเติบโตทางด้านเศรษฐกิจหรือ GPD ได้อย่างดี ตอนนี้จีนเขาก็น่าจะอยู่ระดับ 6-7% ที่มีมูลค่าถึงประมาณ 12 ล้านล้านเหรียญถือว่าเป็นการเติบโตที่ใหญ่มาก

ถามว่าโตอย่างมากเพราะอะไร เพราะว่าเงื่อนไขที่ว่า(มาแล้วด้านบน) และอีกอันหนึ่งก็คือเรื่องประวัติศาสตร์ ประเทศไทยมีคนจีนอยู่มากที่สุดในโลก อย่างผมก็ครึ่งหนึ่งเป็นคนจีน ถึงแม้ว่ารุ่นปู่ทวดย่าทวดจะมาจากเมืองจีนตั้งเกือบ 170 ปีที่แล้วแต่เราก็มีความผูกพันใกล้ชิด แสดงว่าตรงนั้นเป็นเงื่อนไขทั้งภูมิศาสตร์และก็ประวัติศาสตร์จะทำให้ธุรกิจของจีนสามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืนและก็ไปได้มากกว่าที่ปัจจุบัน ฉะนั้นผมในฐานะที่เป็นนักธุรกิจไทยแล้วก็มีเชื้อสายจีนผมยังอยากจะบอกว่าประเทศจีนจะเป็นตลาด จะเป็นหุ้นส่วน ประเทศจีนจะเป็นอะไรที่เราสามารถพูดคุยกันได้ ร่วมมือกันได้ ดีที่สุดในระยะยาว

ฉะนั้นในตรงนี้ผมก็อยากจะเสนอนะให้ผู้คนในภูมิภาคนี้ไม่ใช่แค่คนไทยอย่างเดียว เรามาดูซิว่าเราจะทำอะไรกับประเทศจีนหรือประเทศอื่นๆที่กำลังจะคบค้าสมาคมที่กำลังจะร่วมกันพัฒนาเป็นเอเชียร่วมกับจีน ไม่ใช่จีนอย่างเดียวใครที่ไปร่วมมือกับจีนที่จะทำพัฒนาเรื่องของรถไฟเรื่องของขนส่ง แล้วเราก็โคฯ (ร่วมมือ)กับเขาได้เพื่อเป้าหมายที่จะไปขยายตลาดในประเทศจีน

เรียบเรียงและรายงาน: อรอนงค์ อรุณเอก 林敏儿

ภาพ: พันธสัญญา โชติธนพุทธิพงษ์