ปีนี้ปักกิ่งร้อนตับแตก ..ฮ้อนแต๊ฮ้อนว่า...บางคนบอกร้อนก็ดีกว่ามีหมอกควัน เอาเข้านั่นมองโลกในแง่ดี จริงๆอย่างที่รู้โลกเราร้อนขึ้นทุกวัน หนียังไงก็ไม่พ้น เพราะงั้นมาผจญความร้อนอย่างรื่นรมย์กันดีกว่า
ร้อนอย่างนี้ต้องพากันไปพายเรือ สวนหลายแห่งในปักกิ่งมีทะเลสาบขนาดใหญ่พอฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนมาถึงจะมีบริการเรือให้เช่าทั้งเรือถีบ เรือแจว เรือแบตเตอรี่แม้ไม่เคยขับเรือพายเรือมาก่อนก็ไม่ต้องกลัว เขาทำให้มันง่ายต่อการใช้แถมปลอดภัยสูงด้วย อย่างที่ทะเลสาบเป๋ยไห่ ช่วงนี้คิวจองเรือยาวเหยียดแม้รอบทะเลสบาบจะมีทางเดินที่กว้างสะอาดสะอ้านและมีร่มเงาของแมกไม้มีเก้าอี้ให้นั่งพักเรียงรายกันอยู่ แต่คนส่วนใหญ่คงรู้สึกว่าเดินหรือนั่งริมทะเลสาบยังร้อนกว่าการนั่งในเรือ จึงพากันเช่าเรือที่สนนราคาค่าเช่าก็ไม่ถูก เขาให้เช่าเป็นรายชั่วโมงมีเรือขนาด 2 คน 4 คน 6 คนหรือมากกว่านี้ โดยจะมีป้ายบอกราคาเสร็จสรรพและมีค่ามัดจำกำหนดไว้ชัดเจน อย่าง 6 คน ค่าเช่าชั่วโมงละ 160 หยวนแต่ต้องมัดจำ 300 หยวน พอเราจองเขาก็จะเก็บเฉพาะค่ามัดจำคือ 300 หยวน ถ้าขณะนั้นเรือยังไม่ว่าง จะให้เรายืนรอ พอได้เรือก็จ่ายเงินเขาจะให้บัตรกับใบเสร็จรับเงิน แล้วรีบไปที่เรือจะมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยคอยให้ความช่วยเหลือ ลงเรือไปได้สัก 5 นาทีจะรู้สึกเลยว่าการมานั่งเรือในทะเลสาบเย็นกว่าการเดินหรือนั่งริมทะเลสาบเป็นไหน ๆ บ้างก็นำอาหารการกินไปกินกันในนั้นแปลงเป็นภัตตาคารลอยน้ำที่ลมเข้าได้ทุกทิศทาง บ้างก็นอนหนุนตักคู่ใจสบายอารมณ์ ส่วนหนึ่งจะอยู่แต่ในเรือ บางส่วนจะไปจอดเรือเพื่อขึ้นเขาเป๋ยไห่ พวกเราพี่น้องชาวลาวไทยเขมรเช่าเรือกันหนึ่งลำ อาจารย์สอนทะวี ไซยะโพสีจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาวซึ่งมาทำงานอยู่ที่ภาคภาษาลาว ซีอาร์ไออาสาเป็นคนขับเรือต้องบอกว่าฝีมือดีมาก ๆ จนพวกเราคิดว่าที่บ้านอาจารย์คงมีเรือ แต่เปล่าเลยนี่เป็นครั้งแรกแต่เชี่ยวชาญไม่มีการเฉี่ยวชนแถมพาพวกเราไปเก็บภาพดอกบัวสวย ๆที่อยู่อีกฝั่งของสะพานคือเขาวางทุ่นห้ามเรือข้ามช่องสะพานไปอีกโซนที่เป็นโซนดอกบัว ถ้าไปฝั่งโน้นต้องไปเช่าอีกจุดหนึ่ง คุณเพชรสมร พงพะโยสิด จากสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาวที่มาทำงานิยู่ที่ภาคภาษาลาวกับคุณจำนน ชาวกัมพูชาที่ทำงานอยู่ที่ภาคภาษากัมพูชาถ่ายรูปกันเพลินไปเลย แล้วก็มาถึงคิวคุณกิตติธัชช์ คำเปลวผู้เชี่ยวชาญภาคภาษาไทยคนขับเรือมือใหม่ ไม่เคยขับเรือมาก่อนเลย แต่ก็ประคองเรือได้ดีผู้โดยสารไม่ถึงกับใจหายใจคว่ำแม้จะมีการเฉี่ยวชนเล็ก ๆ สองครั้ง ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในเรือเราสนุกสนานกับการถ่ายภาพ ถึงฟ้าจะไม่ใสแต่ก็พอไหวเก็บไว้เป็นที่ระลึก ไปพายเรืออยู่เกือบชั่วโมงอากาศบนเรือเย็นสบายกว่าบนบกเป็นไหน ๆ เมื่อใกล้ครบชั่วโมงเรานำเรือเข้าฝั่ง นำบัตรกับใบเสร็จที่เขาออกให้ไปยื่นที่เคาน์เตอร์ที่เราจ่ายเงินเช่าเรือเขาจะหักค่าเช่าไว้และคืนเงินมัดจำที่เหลือให้ ขึ้นบกมาแล้วเราพากันถ่ายรูปที่หน้าหอมังกร 9 ตัว ซึ่งเผอิญวันนั้นเขาไม่ได้เปิดให้เข้าชม(เราไปทะเลสาบเป๋ยไห่ด้วยบริการรถไฟใต้ดินไปลงที่สาย 6 สถานีเป๋ยไห่เป่ย หรือ Beihai North ทางออก B เดินต่ออีกนิดก็ถึงทางเข้า) ออกจากทะเลสาบเป๋ยไห่เดินต่ออีกสองป้ายรถเมล์ก็ถึงหนานโหลวกู่เซี่ยง ถ้าไม่อยากเดินก็นั่งรถไฟใต้ดินสาย 6 จากสถานีเป๋ยไห่เป่ยเพียง 1 ป้ายก็ถึงเราไปถึงที่นั่นประมาณห้าโมงเย็นวันอาทิตย์คนเยอะมาก เพื่อนอีกสามคนยังไม่เคยไปที่นี่มาก่อนพวกเขาถ่ายรูปกันสนุกสนาน หนานโหลวกู่เซี่ยงเป็นหนึ่งในถนนเก่าแก่ที่สุดของปักกิ่ง เคยเป็นถนนสำคัญที่เชื่อมภาคเหนือและภาคใต้ของกรุงหยวนต้าตู สมัยราชวงศ์หยวน การมาเที่ยวที่นี่ทำให้สัมผัสถึงบรรยากาศอันเก่าแก่ที่สืบทอดมาจากสมัยโบราณ กลายเป็นแหล่งวัฒนธรรมแห่งหนึ่งของปักกิ่ง ผู้ที่มาเที่ยวปักกิ่ง มักจะมาเที่ยวที่นี่ด้วย
สังเกตว่าร้านโรงสองข้างทางมีร้านเดียวกันเปิดสาขาต้อนลูกค้าอยู่หลายแห่ง ที่คนรุมซื้อก็คือร้านน้ำปั่นทั้งหลายขายดีมากเพราะอากาศมันร้อน ที่หนานโหลวกู่เซี่ยงนี่มีห้องน้ำให้บริการอยู่หลายจุด ใครสนใจดูหูถ้งตรอกเล็กซอยน้อยกับบ้านโบราณก็แวะชมได้ เราเดินกันจนทะลุอีกถนนแล้วเลี้ยวซ้ายมาได้สองสามเมตรมีร้านรถเข็นจอดอยู่ข้างถนนขายเครื่องในวัวที่เขาต้มและหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เวลาลูกค้าซื้อก็จะนำไปลวกอีกทีแล้วใส่ในชามพลาสติกปรุงด้วยซอสพริกดอง ซอสถั่วลิสง เต้าหู้ยี้ พริกทอดป่น หอมผักชี ซีอิ้ว เกลือ ชามเล็ก ๆ 20 หยวน เพื่อนลาวกับเขมรพากันชิมแล้วบอกว่าอร่อย นี่ถ้าใส่ข้าวคั่วก็เป็นลาบเลย อาหารประเภทนี้มีขายอยู่ริมถนน ใกล้ ๆ กันหลายเจ้า เพียงตั้งโต๊ะเล็ก ๆ ริมถนนก็มีคนมาอุดหนุนแล้ว อีกร้านที่คนชอบเพราะกลิ่นมันเรียกคนมาก คือเนื้อแพะย่าง เราเดินนำหน้ามาหยุดรออยู่แสนนานสันนิษบานว่าเพื่อนลาวกับเขมรหยุดชิมเนื้อแพะย่างแน่ ๆ แล้ว พอเจอกันพวกเขาบอกใช่เลยแซบนัวมาก อิ่มท้องกันพอประมาณ ก่อนที่จะเดินผ่านหอระฆังหอกลองท่องโห้ไห่ที่คนหนาตาให้พอได้ไหลแทนเดินในบางจุด เพลินกับที่นี่อยู่จนเกือบสองทุ่ม เพื่อสองคนในกลุ่มบอกว่ายังไม่เคยไปหวังฝู่จิ่ง เมื่อถามทุกคนได้คำตอบว่าพร้อมลุยต่อ เราก็พากันนั่งรถไฟใต้ดินไปโผล่ที่หวังฝูจิ่ง ท่องชมซอยสารพัดนึกที่มีทุกอย่างขายตั้งแต่แมลงป่องเป็น ๆ เสียบไม้ สารพัดของแปลกที่เราไม่เคยเห็นไม่เคยกินก็หาชิมได้ที่นี่ เพื่อนลาวกับเขมรลองแมลงป่อง เราถามว่าเป็นไงเขาว่ามันก็เข้าท่า กินเข้าไปแล้วรู้สึกร้อนหน่อย ๆ
เดินเพลินจนบางส่วนชักขาลาก ทุกคนเห็นตรงกันว่ากลับเต๊อะเราจึงพากันมาขึ้นรถไฟใต้ดินกลับบ้าน รื่นรมย์กลางฤดูร้อนในปักกิ่ง เหงื่อไหลไคลย้อยจริง แต่ก็ท้าทาย ที่นี่ร้อนแบบแห้ง ๆ ขณะที่บ้านเราร้อนชื้น รื่นรมย์คนละแบบ น่าลองค่ะ
สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับทะเลสาบเป๋ยไห่ คลิกอ่านได้ที่ เว็บไซต์ซีอาร์ไอ
https://thai.cri.cn/247/2012/09/04/225s201796.htm
-------------------------------------------------------------------------------------------------