หากออกนอกเมืองชวีฝู่ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 4 กิโลเมตร จะเป็นที่ตั้งสุสานเซ่าเฮ่า (少昊陵) หนึ่งในสุสานโบราณที่มีชื่อเสียงของจีน ปลูกต้นไม้มากมาย คนที่ไปเที่ยวชมมีน้อยมาก จึงทำให้สถานที่แห่งนี้ทั้งเงียบสงบและมีความลี้ลับด้วย
เล่ากันว่าเซ่าเฮ่า เป็นหัวหน้าของจักรพรรดิ 5 องค์ในสมัยโบราณกาลของจีน ทรงครองราชย์นานถึง 84 ปี สวรรคตเมื่อพระชนมายุ 100 พรรษา สุสานเซ่าเฮ่ากินพื้นที่24,700 ตารางเมตร มีต้นไม้โบราณที่มีอายุหลายร้อยปีเกือบ 400 ต้น ตัวสุสานกว้าง 28.5 เมตร สูง 12 เมตร มีรูปร่างเหมือนพีระมิด จึงถูกเรียกว่าเป็นพีระมิดของจีน สร้างขึ้นโดยก้อนหินสีขาว สมัยก่อนเรียกว่า ว่านสือซาน แปลว่า ภูเขาหินหมื่นก้อน แฝงความหมายว่า ให้จักรพรรดิมีอายุยืนยาวหมื่นปี ที่ส่วนบนสุดมีศาลทรงสี่เหลี่ยมที่สูงประมาณ 2.6 เมตร ภายในมีรูปปั้นเทพเจ้าลัทธิเต๋าที่แกะสลักด้วยหินอ่อนสีขาว ฝีมือประณีต ถือเป็นเทพเจ้าผู้เฝ้าดูแลสุสาน
ในบริเวณสุสานเซ่าเฮ่า มีป้ายหินใหญ่ยักษ์ 2 ป้าย เรียกว่าป้ายว่านเหรินโฉว(万人愁碑)และป้ายชิ่งโซ่ว (庆寿碑) โดยป้านว่านเหรินโฉวสร้างขึ้นในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1119-1125 ของราชวงศ์ซ่ง เล่ากันว่าเนื่องจากก้อนหินหนักเกินไป จึงทำให้ช่างขนย้ายด้วยความยากลำบาก เมื่อแกะสลักมังกรบนป้ายหินเสร็จเรียบร้อย แต่ยังไม่ทันได้แกะสลักตัวหนังสือ ทหารของราชวงศ์หยวนก็บุกเข้ามา จึงเป็นป้ายที่ไม่มีตัวหนังสือจนถึงราชวงศ์ชิง บันทึกอำเภอชวีฝู่ว่า จักรพรรดิคังซีของราชวงศ์ชิงจะเสด็จมาทางตะวันออก ขุนนางของมณฑลซานตงกลัวว่าป้ายหินที่ไม่มีตัวหนังสือ จะทำให้จักรพรรดิโกรธ จึงทุบป้ายหินให้แตกเป็นก้อนหินเล็ก 140 กว่าก้อน แล้วฝังอยู่ใต้ดิน เมื่อ ค.ศ. 1991 รัฐบาลจึงจัดงบประมาณบูรณะซ่อมแซม กลายเป็นป้ายหินที่สูง 16.95 เมตร กว้าง 3.74 เมตรและหนา 1.14 เมตร บนป้ายหินแกะสลักมังกร 6 ตัว ดูมีชีวิตชีวาเสมือนจริง และสองข้างมีเทพเจ้า 2 องค์ยืนเฝ้า เป็นป้ายหินขนาดใหญ่ยักษ์ที่หาได้ยากในจีน
ส่วนป้ายหินชิ่งโซว ตั้งริมสระน้ำที่อยู่หน้าสุสานเซ่าเฮ่า ห่างไปประมาณ 1 กิโลเมตร มีความสูงประมาณ 7 เมตร กว้าง 3.6 เมตรและหนา 0.6 เมตร แกะสลักตัวอักษร 2 ตัวคือ "庆"และ"寿"
เล่ากันว่า ขณะที่จักรพรรดิเซ่าเฮ่าประสูตินั้น บนท้องฟ้ามีหงส์ 5 ตัวที่มี 5 สี คือแดง เหลือง เขียว ขาวและดำ บินลงมายังบ้านของตระกูลเซ่าเฮ่า เซ่าเฮ่าจึงใช้หงส์เป็นสัญลักษณ์แทนตน พอเซ่าเฮ่าโตขึ้น ก็ได้เป็นหัวหน้าเผ่า เริ่มแรกสร้างเมืองริมทะเลทางทิศตะวันออก และกำหนดระบบที่แปลกคือ ให้นกชนิดต่างๆ รับตำแหน่งขุนนางช่วยบริหารประเทศ เมื่อจัดการประชุม นกชนิดต่างๆ มารวมกันรายงานผลการดำเนินงาน เซ่าเฮ่าก็จะให้รางวัลหรือลงโทษตามรายงานของขุนนางนกชนิดต่างๆ ดังนั้น ก๊กของเขาจึงได้ชื่อว่า "ก๊กแห่งนก"
